รักษ์ ‘สิ่งแวดล้อม’ สยามพิวรรธน์เปิดจุดรับ ‘บรรจุภัณฑ์’ ไม่ใช้แล้วแบบ ‘ไดร์ฟ ทรู’

รักษ์ ‘สิ่งแวดล้อม’ สยามพิวรรธน์เปิดจุดรับ ‘บรรจุภัณฑ์’ ไม่ใช้แล้วแบบ ‘ไดร์ฟ ทรู’

เปิดทางเลือกให้คนรักษ์ “สิ่งแวดล้อม” สยามพิวรรธน์และพันธมิตรเปิดจุดรับวัสดุ “บรรจุภัณฑ์” ที่ไม่ใช้แล้วแบบ “ไดร์ฟ ทรู” ส่งต่อขยะเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลแบบครบวงจร

ภาคเอกชนให้ความสำคัญกับนโยบายเพื่อ สิ่งแวดล้อม อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด บริษัทสยามพิวรรธน์ จำกัด, กลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย, บริษัท คาโออินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด  และเครือข่ายพันธมิตร ร่วมรณรงค์เนื่องใน วันสิ่งแวดล้อมโลก (5 มิถุนายนของทุกปี) สร้างต้นแบบการจัดการขยะแบบครบวงจร ด้วยการเปิดให้บริการ Recycle Collection Center หรือ จุดรับวัสดุบรรจุภัณฑ์สะอาดที่ไม่ใช้แล้ว แบบไดร์ฟทรู (Drive-Thru) แห่งแรกในประเทศไทย สำหรับพื้นที่เขตเมืองชั้นใน

โดยเปิดให้คนทั่วไปสามารถนำ ขยะรีไซเคิลที่คัดแยกและทำความสะอาดแล้ว มาฝากส่งต่อเข้ากระบวนการรีไซเคิลที่จุดไดร์ฟ ทรู ณ สยามพารากอน

ปัญหาสิ่งแวดล้อม เป็นสิ่งที่จะส่งผลกระทบระยะยาวต่อชีวิตผู้คนเป็นวงกว้าง จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่เราทุกคนต้องร่วมช่วยกันแก้ไขและรับผิดชอบ เริ่มต้นจากการบริหารจัดการขยะที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของทุกคน

162326117158

Recycle Collection Center จุดที่ 1 : สยามพารากอน บริเวณทางออก 4, ชั้น G (ฝั่งธนาคารกรุงเทพ)

ดังนั้น เพื่อเป็นต้นแบบในการจัดการขยะแบบครบวงจรตามแนวคิด เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และป้องกันไม่ให้มีเศษพลาสติกรั่วไหลสู่สิ่งแวดล้อมตลอดทั้งกระบวนการตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง จึงได้เกิดเป็น Recycle Collection Center หรือ จุดรับวัสดุบรรจุภัณฑ์สะอาดที่ไม่ใช้แล้ว ที่เปิดให้ลูกค้า และประชาชนคนทั่วไปสามารถนำขยะที่ทำความสะอาดและคัดแยกแล้วจากที่บ้าน มาฝากส่งต่อไปรีไซเคิลเป็นวัตถุดิบ และนำมาเข้ากระบวนการอัพไซคลิ่งเพิ่มมูลค่า ณ จุดไดร์ฟทรู Recycle Collection Center ที่ตั้งอยู่ 2 แห่งในสยามพารากอน ได้แก่

  • บริเวณจุดจอดรถทัวร์ ชั้น G ฝั่ง North
  • บริเวณทางออก 4, ชั้น G (ฝั่งธนาคารกรุงเทพ)

162326088930

Recycle Collcetion Center จุดที่ 2 : สยามพารากอน บริเวณจุดจอดรถทัวร์ ชั้น G ฝั่ง North

กล่องที่นำมาติดตั้งที่ Recycle Collection Center นี้ผลิตจากการอัพไซคลิ่ง ด้วยไม้เทียมที่มีส่วนผสมของวัสดุแปรรูปจากซอง/ถุงเติมพลาสติกแบบหลายชั้น (Multilayer Packaging) ที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้  ซึ่งออกแบบโดย บริษัท ดั๊ก ยูนิต จำกัด และผลิตโดยบริษัท เบสท์โพลิเมอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โดยขยะที่นำมาฝากทิ้งจะต้องผ่านการทำความสะอาด และแบ่งตามประเภทของวัตถุดิบ ซึ่งมีทั้งหมด 8 ประเภท ได้แก่

  • กระดาษ
  • แก้ว
  • เหล็ก
  • อลูมิเนียม
  • พลาสติกแข็ง เช่น ขวดนม/แชมพู/ครีมนวด/สบู่เหลว/น้ำยาซักผ้า/น้ำยาปรับผ้านุ่ม
  • พลาสติกยืด
  • พลาสติกซอง/ถุงแบบหลายชั้น (Multilayer Packaging) เช่น ถุงขนม ถุงเติมน้ำยาล้างจาน/น้ำยาซักผ้า/น้ำยาปรับผ้านุ่ม
  • ขวดพลาสติกใส PET เช่น ขวดน้ำดื่ม/เครื่องดื่ม ขวดน้ำยาล้างจานแบบใส
  • กล่องบรรจุภัณฑ์ประเภทกล่องนม น้ำผลไม้ หรือกะทิ

ขยะทั้ง 8 ประเภทจะนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล และแปรรูปเป็นวัตถุดิบรีไซเคิล ก่อนจะนำมาพัฒนาต่อเป็นผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า และจำหน่ายให้กับผู้บริโภคต่อไป

ในอนาคตอันใกล้นี้จะมีการนำแอปพลิเคชั่น มาใช้เพื่อเก็บข้อมูล ประเภท น้ำหนัก และประเมินความสะอาด ตั้งแต่ผู้บริโภคนำวัสดุมาส่งไว้ที่ Recycle Collection Center จนถึงปลายทางที่สยามพิวรรธน์นำเข้าสู่กระบวนการต่างๆ ต่อไป

162326065758

QR Code โครงการ Recycle Collection Center

ผู้บริโภคสามารถมารับป้ายบอกข้อมูล (Tag) ในจุดที่เตรียมไว้ให้ที่ศูนย์การค้า และนำไปติดลงบนถุงที่ใส่วัสดุก่อนจะนำมาส่งที่ Recycle Collection Center

นอกจากนี้ยังได้มีการ สร้างระบบจัดการ ขยะกำพร้า ที่จะเปลี่ยน ขยะพลาสติกไร้ค่าให้เป็น เชื้อเพลิง เพื่อใช้เป็นพลังงานทางเลือก โดยได้ร่วมกับ เครือข่ายลดพลาสติกไทยแลนด์  (Less Plastic Thailand) สร้างระบบจัดการ “ขยะกำพร้า” หรือขยะพลาสติกไร้ค่า เช่น กล่องบรรจุภัณฑ์อาหารจากฟู้ดเดลิเวอรี่ ที่ไม่สามารถนำกลับไปรีไซเคิลเป็นวัตถุดิบได้ โดยจะทำการคัดแยกและส่งต่อให้กับ บริษัท วงษ์พาณิชย์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด นำไปกลั่นเป็นน้ำมันทำเป็นเชื้อเพลิงขยะ (RDF) เพื่อใช้เป็นพลังงานทางเลือก ซึ่งนอกจากจะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับขยะพลาสติกไร้ค่าแล้ว ยังเป็นการสร้างระบบจัดการขยะเป็นศูนย์ได้อย่างแท้จริง  

การจะสร้างความสมดุลด้านสิ่งแวดล้อม และแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกในประเทศไทยอย่างยั่งยืนได้นั้น เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่จะต้องร่วมมือกันลงมือเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ตั้งแต่การรู้จักคัดแยกขยะ ไปจนถึงการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า

เพื่อทำให้โลกของเราดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืน