PRM เล็งสั่งต่อเรือเพิ่ม5 ลำ หวังวัคซีนหนุนปี65ธุรกิจโต

PRM เล็งสั่งต่อเรือเพิ่ม5 ลำ หวังวัคซีนหนุนปี65ธุรกิจโต

“พริมา มารีน”ปรับแผนขยายธุรกิจเดินเรือระหว่างประเทศ-ออฟชอร์ ประคองรายได้ปีนี้โต 10%  เตรียมสั่งต่อเรือใหม่อีก 5 ลำ รองรับตลาดปีหน้าฟื้น หลังฉีดวัคซีนได้ตามเป้า-เปิดประเทศตามแผน บล.กสิกรไทย เผยมีโอกาสปรับกำไรปีนี้ขึ้น หากธุรกิจไทยออลย์มารีนพลิกกำไร

นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM เปิดเผยว่า จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้บริษัทมีการปรับแผนธุรกิจ หันมาขยายธุรกิจขนส่งน้ำมันระหว่างประเทศ และธุรกิจเรือขนส่งที่ให้การสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล (Offshore) เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการเติบโตที่ดี จากเดิมที่รายได้หลักมาจากธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บน้ำมัน ( FSU)  ซึ่งได้รับผลกระทบกับจากโควิด-19 ทำให้การเดินทางน้อยลงส่งผลต่อความต้องการใช้น้ำมันลดลงจึงกระทบต่อการขนส่งน้ำมัน  โดยเฉพาะขนส่งน้ำมันเครื่องบินที่มาก

ทั้งนี้บริษัทได้เข้าซื้อหุ้นบริษัท ไทยออยล์มารีน จำกัด ซึ่งทำรายการซื้อเสร็จไปแล้ว เมื่อสิ้นเม.ย.2564 ซึ่งมีสัญญาให้บริการเดินเรือระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นเรือขนาดใหญ่(Very Large Crude Carrier หรือ VLCC)ขาดบรรจุ 300 ล้านลิตรกับ บริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)หรือ TOP สัญญา10 ปี ซึ่งให้บริการแล้ว1 ลำ  ในเดือนพ.ค. และปีหน้าเพิ่มอีก 2 ลำ  ซึ่งจะทำให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจระหว่างประเทศของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น20% จากเดิมที่มีสัดส่วน 5-7%และการให้บริการดังกล่าวมีอัตรากำไรสุทธิที่สูง(เน็ตมาร์จิ้น)25-30% และมีการให้บริการเรือซึ่งเป็นเรือประเภท “คูโบ้ท”อีก13 ลำ ในการขนส่งพนักงานของ TOPไปยังแท่นขุดเจาะ ซึ่งจะมาเพิ่มในรายได้ธุรกิจOffshore รวมถึงโดยบริษัทจะีการทยอยปรับสัญญาขนส่งของไทยออยล์มารีน เพิ่มขึ้นตั้งแต่นในช่วงไตรมาส3ปีนี้เป็นต้นไป 

ส่วนธุรกิจขนส่งในประเทศได้ปรับจากการขนส่งน้ำมันเครื่องบิน มาเป็นขนส่งน้ำมันเบนซีน และดีเซล มาในภาคกลางมากขึ้น แม้จะมีมาร์จิ้นที่ต่ำ แต่ยังช่วยให้บริษัทสามารถใช้กำลังการผลิตเรือให้อยู่ในระดับที่สูงอยู่ในไม่ได้ปล่อยให้เรือจอดนิ่ง 

สำหรับรายได้รวมปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้ประมาณ10%จากปีก่อนที่มีรายได้ 5,981.28 ล้านบาท  จากที่ธุรกิจขนส่งน้ำมันระหว่างประเทศ และธุรกิจOffshore เข้ามาหนุน จากที่ธุรกิจขนส่งในประเทศและ ธุรกิจ FSUได้รับผลกระทบ แต่ในด้านของกำไรสุทธิคาดว่าจะปรับตัวลดลงจากปีก่อน เพราะ ธุรกิจขนส่งน้ำมันในประเทศและFSU มาร์จิ้นลดลง   

        

นายวิริทธิ์พล  กล่าวว่า  จากที่มีการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นหวังว่าในช่วงครึ่งปีหลังหากสถานการณ์ดีขึ้น ซึ่งบริษัทมีแผนในการจัดสรรหาเรือFSU อีก1 ลำ รองรับการขนส่งน้ำมันเพิ่มขึ้น และในครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนที่สั่งต่อเรืออีกFSU จำนวน  5 ลำ  ขนาด ขนาด3,000 ตันต่อลำ ที่จะส่งมอบในปีหน้า มูลค่ารวม30 ล้านดอลลาร์ เพื่อรองรับการขนส่งน้ำมันในปีหน้าจากโควิด-19จะคลี่คลาย ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นโดยแหล่งเงินจะมาจากการกู้สถาบันการเงิน 

นอกจากนี้บริษัทมองหาการเติบโตธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักต่อเนื่องหากมีการเปิดประมูลโครงการที่เกี่ยวข้องบริษัทพร้อมเข้าประมูล  ส่วนงบลงทุนปีนี้ ตั้งไว้ 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็น การซื้อหุ้นไทยออยล์มารีน 858 ล้านบาท อีกประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท จัดหาเรือหากตลาดขนส่งน้ำมันฟื้นตัว

นายพชระ เลิศวิราม นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) กสิกรไทย  กล่าวว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานของ PRMตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี2564 เป็นต้นไปจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในปีนี้และปีหน้า เนื่องจากธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันระหว่างประเทศมีการลงนามในสัญญาเช่าเหมาเรือแบบมีระยะเวลา (time-chartered) ในช่วงกลาง มี.ค. จะสามารถสร้างรายได้ใด้เต็มไตรมาสในไตรมาส 2 ปี 2564 เป็นตัวสนับสนุนรายได้อย่างสม่ำเสมอ  และPRMคาดว่าจะได้รับรายได้เพิ่มเติมจากสัญญาเดินเรือ VLCC จาก TOP

รวมถึงธุรกิจFSU ผู้บริหารคาดถึงอัตราการดำเนินงานที่ 100% ในไตรมาส 2 ปี 2564และธุรกิจoffshore คาดว่าส่วนแบ่งรายได้จากธุรกิจ offshore จะกลับเข้ามาในไตรมาส2 ปี2564

โดยบล.กสิกรไทย คาดการณ์กำไรและรายได้ในปี2564 ของ PRM อยู่ที่ 1,517 ล้านบาทและ 6,044 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2563 อยู่ที่ มีกำไร1,533ล้านบาท และรายได้ 5,926  ล้านบาท

ทั้งนี้บริษัทมีโอกาสปรับประมาณกำไรของ PRM เพิ่มขึ้น หลังจากที่ประกาศงบในไตรมาส2 หรือไตรมาส3  หากธุรกิจไทยออยล์มารีน พลิกมีกำไรในปีนี้ จากปีก่อนขาดทุน  44.9 ล้านบาท