"รวมไทยสร้างชาติ” ส่อแท้ง “3 ป.” ปั้น “พลังประชารัฐ” เบอร์ 1

"รวมไทยสร้างชาติ” ส่อแท้ง “3 ป.” ปั้น “พลังประชารัฐ” เบอร์ 1

“3 ป.” ตัดสินใจเดินหน้าพรรค “พลังประชารัฐ” ไปต่อ เพืี่อขึ้นแท่นพรรคอันดับ 1 เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอย่างชอบธรรมให้ได้ ดังนั้น “รวมไทยสร้างชาติ” พรรคสำรอง ที่ถูกมองว่าตระเตรียมไว้เป็นนอมินี จึงมีโอกาสแท้งก่อนแจ้งเกิด

แม้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม ยังไม่มีความคิดที่จะยุบสภา แต่เวลานี้ พี่น้อง “3 ป.” กำลังมองข้ามชอต คำนวณคณิตศาสตร์การเมือง เตรียมตัวเลือกตั้งครั้งหน้าเอาไว้แล้ว

 

โดยเฉพาะโจทย์การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับระบบเลือกตั้ง ว่าจะคงสูตรเดิม ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว หรือจะคิดการใหญ่แก้รัฐธรรมนูญกลับไปใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เลือกคน เลือกพรรคเหมือนเดิม เพราะขนาดของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เวลานี้ หากใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวอาจก็อาจได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ น้อยนิด หรืออาจไม่ได้เลย

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่า กติกาการใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบย่อมทำให้พรรคขนาดกลาง อย่าง พรรคภูมิใจไทย (ภท.) พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ลดลง ซึ่งก็เป็นผลดีที่จะทำให้ “3 ป.” คลายปัญหาทั้งการจัดโควตา ครม. และการทำงานกับพรรคร่วมรัฐบาล เพราะจำนวน ส.ส.ที่ลดลงแรงต่อรองเกินเบอร์ย่อมน้อยลงด้วย

 

ทว่า ในอีกด้านการใช้ระบบเลือกตั้งบัตร 2 ใบก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดความพลิกผันขั้วการเมืองได้มาก เพราะจะเป็นโอกาสที่ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี และขุนพลพรรคเพื่อไทย (พท.) สามารถกลับมาชนะแบบแลนด์สไลด์ได้เช่นกัน เพราะนอกจาก ส.ส.เขต ที่เพื่อไทยน่าจะได้มาจำนวนมากตามพื้นที่ฐานเสียงแล้ว ยังจะได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์บวกเพิ่มอีก

ดังนั้น “3 ป.” จึงต้องคิดคำนวณ วางเกม วางแผนอย่างดี เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งก็มี 2 ทางเลือก

 

1.บัตรเลือกตั้งใบเดียว มีโอกาสรวมเสียงจากพรรคพันธมิตรกลับมาเป็นรัฐบาล แต่แรงต่อรองของแต่ละพรรคค่อนข้างมาก เพราะจำนวน ส.ส.จากปาร์ตี้ลิสต์จะถูกเติมให้พรรคขนาดกลาง และเฉลี่ยให้พรรคขนาดเล็ก

 

2.บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ขจัดปัญหาพรรคร่วมรัฐบาลแข็งข้อ-แข็งเมือง ต่อรองได้สูง โดยมี “โมเดลพรรคภูมิใจไทย” เป็นบทเรียน แต่สุ่มเสี่ยงที่ขั้วตรงข้ามอย่าง“เพื่อไทย”จะพลิกเกมกลับมาโกย ส.ส.เข้าสภา

 

ในสมัยประชุมสภาฯ นี้ ที่มีวาระแก้รัฐธรรมนูญ คงจะได้เห็นแนวทางว่า 3 ป.เลือกทางไหน โดยมีสัญญาณที่น่าสนใจ ที่พอจะใช้เป็นตัวชี้วัดได้คือ “พรรคนอมินี” ของพลังประชารัฐ จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เพราะหาก 3 ป.ผุดพรรคนอมินีขึ้น ก็มีแนวโน้มว่าจะใช้กติกาเดิม บัตรเลือกตั้งใบเดียว แต่หากยุติการทำพรรคนอมินี ก็เป็นสัญญาณชัดเจนว่า “3 ป.” เลือกใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ

 

โฟกัสไปที่ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ที่ “ปลัด ฉ." คนดัง ที่เดินเกมซุ่มเงียบ พยายามปั้นพรรคนี้ให้เป็นนอมินีของพลังประชารัฐ สำหรับเก็บตกคะแนนเสียงคู่ขนานกันไป

 

โดยที่ผ่านมา “ปลัด ฉ.” เดินสายพบปะนักการเมืองมากหน้าหลายตา เจาะพื้นที่ ส.ส.ภาคอีสาน ซึ่งยังเป็นจุดบอดของพรรค พปชร. ซึ่งมีกระแสข่าวมาตลอดว่า “ปลัด ฉ.” พร้อมเปย์ หาก ส.ส.หรือนักการเมืองท้องถิ่นคนใดที่อยู่ในลิสต์ “ดูด” เข้าพรรค “ปลัด ฉ.” พร้อมยื่นมือช่วยเหลือ

 

ว่ากันว่า จุดแข็งของพรรครวมไทยสร้างชาติในมือปลัดคนดัง คือความใจถึง พึ่งได้ ชนิดไม่เลือกขั้วเลือกข้าง อีกทั้งท่อน้ำเลี้ยงก็ไม่ติดขัด จะมากจะน้อยขึ้นอยู่กับ ส.ส.-นักการเมืองท้องถิ่น ที่ดีลด้วยจะเบอร์ใหญ่ หรือเบอร์เล็ก

 

ทว่า จุดอ่อนที่คอการเมืองวิเคราะห์กันไว้คือ ความเจนจัดของ “ปลัด ฉ.” ยังไล่ตาม “นักการเมือง” อยู่หลายขุม แม้จะช่วยเหลือด้านปัจจัยหลายอย่าง แต่ถึงเวลาที่ต้องตอบแทนคืน แทบไม่มีหลักประกันเลยว่า “นักการเมือง” ที่เคยดูแลกัน จะมีคนไหนทิ้งสังกัดเดิม มาร่วมเป็นร่วมตายร่วมเสี่ยงกับ “ปลัด ฉ.”

ระยะหลังจึงเริ่มมีกระแสข่าวว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ “ปลัด ฉ.” จากที่เคยออกตัวในหลายวงการเมือง และนักเลือกตั้งก็เริ่มให้เครดิต จู่ๆ กลับเงียบหาย ชนิดแทบไร้ความเคลื่อนไหว มิหนำซ้ำนักการเมืองหลายรายที่เคยสนิทสนมร่วมวง ก็เปิดดีลกับพรรคใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว

 

ผิดกัับความเคลื่อนไหวของพรรค พปชร.ที่กำลังคึกคัก นัดหมายประชุมใหญ่วิสามัญ ในวันที่ 20 มิ.ย.นี้ ใน จ.ขอนแก่น ฐานเสียงสำคัญของพรรคคู่แข่ง เพื่อจัดแม่ทัพ ขุนพล เตรียมทำศึกเลือกตั้งเอาไว้ก่อนพรรคใด และในทางลับยังเร่งเจรจา ดูดและดีล ส.ส.และว่าที่ผู้สมัครพรรคต่างๆ เข้ามาเสริมทีมชนิดไม่อั้น

 

ที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา น้องเล็ก 3 ป. ยังกำชับให้บรรดาพรรคร่วมรัฐบาล และหน่วยงานราชการ เร่งผลงานในอีกปีกว่าที่เหลือ

 

แกะรอยแต่ละก้าวของพี่น้อง 3 ป.เวลานี้ เห็นได้ว่า พยายามทุ่มเทกับพรรคพลังประชารัฐอย่างชัดเจน เพื่อลบล้างคำปรามาสว่าเป็น “พรรคเฉพาะกิจ” แหล่งรวมนักการเมืองที่เน้นประโยชน์ของกลุ่มก๊วนมากกว่าบ้านเมือง  ที่สำคัญผลสำรวจนโยบายประชานิยม ที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ทุ่มเทอย่างต่อเนื่อง ได้กลายเป็นที่จดจำ และพึงพอใจไม่น้อยไปกว่าประชานิยมยุคไทยรักไทยที่เคยเฟื่องฟู

 

ยิ่งจับอาการของ“หัวหมู่” ในสภาฯ ของพลังประชารัฐที่เคยออกตัว ดันแก้กติกา “บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ” ก็ยิ่งสอดรับกัน

 

เมื่อ “3 ป.” ตัดสินใจเดินหน้าพรรค “พลังประชารัฐ” ไปต่อ เพืี่อขึ้นแท่นพรรคอันดับ 1 เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอย่างชอบธรรมให้ได้ ดังนั้น “รวมไทยสร้างชาติ” พรรคสำรอง ที่ถูกมองว่าตระเตรียมไว้เป็นนอมินี จึงมีโอกาสแท้งก่อนแจ้งเกิด