วัดใจหลังฟื้นฟูนกแอร์  “จุฬางกูร” พร้อมเดินต่อธุรกิจการบิน ?

 วัดใจหลังฟื้นฟูนกแอร์   “จุฬางกูร” พร้อมเดินต่อธุรกิจการบิน ?

วัคซีนความหวังของทุกธุรกิจจะกลับมาฟื้นตัวหลังประเทศไทยประกาศ  “วีเดย์”  (Vaccine-day )  ปูพรมฉีดวัคซีนให้กับประชาชน 7 มิ.ย. ที่ผ่านมาและให้ครบ 70 %  ของประชากรทั้งประเทศด้วยวัคซีน 100 ล้านโดสภายในสิ้นปี 2564

การบริหารจัดการจะสามารถทำได้ถึงเป้าหมายแค่ไหนยังต้องอาศัยการบริหารและจัดหาวัคซีนให้เพียงพอ  แต่สัญญาณบวกต่อการเดินหน้าลดการแพร่ระบาดของทั้งประชาชน รัฐบาล จนไปสู่แนวโน้มการเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวนำร่องอย่างจังหวัดภูเก็ตทำให้จุดประกายความหวังให้กับธุรกิจท่องเที่ยว

โดยเฉพาะธุรกิจสายการบินเผชิญสถานการณ์รายได้หายไปนานถึง 1 ปี จนรายใหญ่ยังประคองตัวเองไม่อยู่ ขาดทุนอย่างหนัก  ไม่มีเม็ดเงินใช้ชำระหนี้ มาเพิ่มเติมสภาพคล่องทำให้สุดท้ายเข้าสู่กระบวนการล้มละลายจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง

วันนี้สายการบินนกแอร์  หรือ บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOKภายใต้ผู้บริหารและเจ้าของกลุ่ม จุฬางกูร   ถือหุ้นมากถึง 74 % ถือว่าเป็นสายการบินล่าสุดที่กระบวนการฟื้นฟูกิจการกำลังเข้าสู่โค้งสุดท้ายในการประชุมเจ้าหนี้ในเดือนส.ค. 2564 เพื่อขออนุมัติแผนชำระหนี้เพื่อดำเนินการกลับมาดำเนินธุรกิจตามปกติ

ก่อนหน้านี้นกแอร์เผชิญปัจจัยลบจำนวนผู้โดยสารลดลงไม่ต่างจากสายการบินอื่นๆ  จากการการระบาดที่ลากยาวและเกิดขึ้นหลายระลอก ทำให้ผู้บริหารดำเนินการตัดค่าใช้จ่ายและยุบธุรกิจที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หนึ่งนั้นคือการ “ยกเลิกกิจการนกสกู๊ต (29 ก.ค.2563)

นกสกู๊ต  ถูกวางเป็นสายการบินที่ให้บริการเส้นทางต่างประเทศระยะไม่ไกล และนกแอร์เน้นเส้นทางในประเทศ แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จในการทำการตลาดทำให้ต้องประคองธุรกิจที่ขาดทุนนี้มาตลอด  จนทำให้เงินสดจากการดำเนินธุรกิจติดลบ  อัตรากำไรขั้นต้นติดลบหนักถึง 10 จนนำไปสู่การขาดทุนต่อเนื่องปีละเกือบ 2,000 ล้านบาท  มียอดขาดทุนสะสมอยู่ที่ 5,276 ล้านบาท อัตราหนี้สินต่อทุน 5 เท่า

เมื่อสถานการณ์ท่องเที่ยวไม่มีทิศทางฟื้นตัวทำให้อีก 3 เดือนถัดมา (27 ต.ค.2563)  ได้ยื่นแผนเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการต่อศาล ด้วยฐานะทางการเงิน ณ ไตรมาส 3  และงวด 9เดือน ปี 2563เป็นงบการเงินที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชี มีรายได้จากการดำเนินงานรวม 4,827.74 ล้านบาท ลดลงถึง 47.68 %  

ด้วยสถานการณ์การบินหยุดชะงักทำให้ต้นทุนการบินปรับตัวลดลงแต่บริษัทยังต้องรับรู้ผลขาดทุนที่ ยังไม่เกิดขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยน   656.11 ล้านบาท  บันทึกดอกเบี้ยค่าเช่าเครื่องบิน 462.65 ล้านบาท และบันทึกผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดอีก1,446.02 ล้านบาท ทำให้ขาดทุน 2,598.71 ล้านบาท

นอกจากนี้บริษัทได้รับรู้ผลขาดทุนจากการเลิกกิจการของบริษัท สายการบินนกสกู๊ต ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ทำให้ส่วนผลขาดทุนที่ เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทใหญ่เพิ่มขึ้นเป็น 3,935.96 ล้านบาท

ด้านหนี้สิ้นมีทั้งสิ้น 26,238.57  ล้านบาท    แบ่งเป็นเจ้าหนี้และตั๋วเงิน  3,811 ล้านบาท  ที่เหลือเป็นหนี้สินหมุนเวียน  19,288 ล้านบาทและหนี้สินไม่หมุนเวียน  6,949 ล้านบาท   ท่ามกลางส่วนทุนของผู้ถือหุ้นติดลบ  4,514 ล้านบาท  และขาดทุนสะสม  14,964 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่ทำให้ นกแอร์ มีโอกาสประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการในครั้งนี้คือการมีกลุ่มทุนใหญ่กลุ่มเดียวและยังเป็นกลุ่มทุนเจ้าหนี้ส่วนหนึ่งของนกแอร์  2,700 ล้านบาททำให้การเจรจากับเจ้าหนี้เกิดขึ้นเดือน ส.ค.มีโอกาสสูงที่จะผ่านไปได้

และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาหุ้น NOK กลับมาทำการซื้อขายช่วง 1 เดือน (2มิ.ย.-2 ก.ค.)  จากราคาสุดท้ายที่ 1.09 บาท (1มี.ค. 2563) สามารถปรับตัวบวกได้ทันทีถึง 100 % ไปทำราคาสูงสุดที่ 2.80 บาท ต่ำสุดที่  1.27 บาท เป็นการเพิ่มขึ้นจากราคาล่าสุดถึง 156 %

หุ้น NOK กลายเป็นหุ้นที่พลิกฟื้นตัวตามธุรกิจท่องเที่ยวเริ่มกลับมามีความหวัง พร้อมกับการปรับโครงการใหญ่จนทำหุ้นมีโอกาสกลับมาทำการซื้อขายได้เร็วกว่าที่คาด ซึ่งจากนี้คงต้องขึ้นอยู่กับกลุ่ม จุฬางกรู ว่ายังเพิ่มพันธมิตรเข้ามาทำธุรกิจหรือกุมสัดส่วนถือหุ้นใหญ่ต่อไป