มาแล้ว! 'Disney Plus Hotstar' เคาะราคาแพ็คเกจในไทย 799 บาทต่อปี 'เอไอเอส' อัดโปร 35 บาทต่อเดือน ดึงคนดู

มาแล้ว! 'Disney Plus Hotstar' เคาะราคาแพ็คเกจในไทย 799 บาทต่อปี 'เอไอเอส' อัดโปร 35 บาทต่อเดือน ดึงคนดู

ไม่ต้องรออีกต่อไป เมื่อยักษ์ใหญ่อย่าง “ดิสนีย์” ลุยตลาดโอทีที เปิดตัวแพลตฟอร์ม 'ดิสนีย์ พลัส ฮอทสตาร์' (Disney+ Hotstar) ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมเคาะราคาแพ็คเกจในไทย 799 บาทต่อปี

ปล่อยให้รอกันมาระยะใหญ่ สำหรับการเข้าสู่สังเวียนสตรีมมิ่ง ที่ทุกคนรอลุ้นว่ายักษ์ใหญ่อย่าง "ดิสนีย์" จะมีหมัดเด็ดอะไรออกมาสร้างปรากฏการณ์ให้สาวกหรือแฟนๆชาวไทยได้เห็น ล่าสุด ดิสนีย์ได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม ดิสนีย์ พลัส ฮอทสตาร์ (Disney+ Hotstar) ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมเคาะราคาแพ็คเกจในไทย 799 บาทต่อปี และงานนี้ มี AIS เป็นพันธมิตรในการทำตลาด

สำหรับราคาดังกล่าว ถือว่า "จูงใจ" อย่างมาก เพราะเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด ราคาเฉลี่ยต่อเดือนจะค่อนข้างต่ำ โดยเน็ตฟลิกซ์ ราคาค่าสมาชิกพรีเมี่ยมกว่า 400 บาท แต่สามารถแชร์คนดูได้ 4 คน ส่วนวิว มีทั้งราคาโปรโมชั่น 79 บาทต่อเดือน ราคาหลักร้อยบาทต่อเดือน ขึ้นกอยู่กับแพ็คเกจว่าเป็นแบบใด เพราะบางแพลตฟอร์มให้ดูคอนเทนท์ฟรี แลกกับการสมัครสมาชิก และการรับชมโฆษณาคั่น ซึ่งอาจกระทบอรรถรสในการดูบ้าง

อย่างไรก็ตาม โจทย์ของ "คนมาทีหลัง" คือการทำทุกวิถีทางเพื่อ Acqiure ผู้บริโภคให้มาอยู่บนแพลตฟอร์ม และไม่ใช่แค่ 1-2 เดือน แต่ต้องตรึงให้อยู่ "นานสุด" เท่าที่จะทำได้ ดังนั้นการเลือกแพ็คเกจราคา 799 ต่อปี เพื่อทำให้ลูกค้า อยู่กับ "ดิสนีย์ พลัส ฮอทสตาร์" กันยาวๆนั่นเอง 

ผู้บริโภคทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน เน็ตฟลิกซ์ เคยมอง "ความง่วง" เป็น "คู่แข่ง" แต่ที่สุดแล้ว การแข่งขันของแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง ยิ่งมีให้เลือกหลายหลายเท่าไหร่ ผู้บริโภคก็จะแบ่ง "เวลา" และ "สายตา" หรือ Eyeball ไปยังแพลตฟอร์มโปรด รายการที่ตอบจริตตนเองมากสุด และหากไม่พอใจ ก็ปิด เปลี่ยนไปทุ่มเทเวลาเสพ หรือทำกิจกรรมอย่างอื่น 

ทว่า เมื่อลงสมรภูมิสตรีมมิ่ง ความง่วงจึงไม่ใช่คู่แข่งกับเน็ตฟลิกซ์เท่านั้นแต่เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการทุกรายเจอเหมือนกันหมด ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบในเกมนี้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด การแข่งขันของแพลตฟอร์มเองจึงขับเคี่ยวเข้มข้น ในการแย่งเวลาคนดูเหมือนเดิม Content is king จึงเป็นอาวุธสำคัญสุดที่จะฟาดฟันกัน

162313838562

แน่นอนพี่ใหญ่มาแล้ว งานนี้สาวก หรือแฟนๆของ ดิสนีย์ จะได้รับชมภาพยนตร์ดังมากมายกว่า 700 เรื่อง ซีรีส์ดังกว่า 14,000 ตอน ทั้งหนังระดับบล็อกบัสเตอร์ ซีรีส์ดังจากเกาหลีใต้ หนังดังจากประเทศไทย เช่น กัปตันอมเริกา, อเวนเจอร์, สตาร์วอร์, ซอบก, พี่มากพระโขนง ฯ เรียกว่าขนคอนเทนท์มาจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อสะกดคนดู และการเปิดตัว ยังดึงนักแสดงดังมากมาย อย่างโลกิ หรือนักแสดง "ทอม ฮิดเดิลสตัน" มาทักทายแฟนๆชาวไทย ยังมีซุป'ตาร์ระดับเอเชียทั้ง "กงยู"ควงคู่ "พัคโบกอม" มา Say hi ด้วย 

เรียกว่าจัดเต็ม และนับเป็นการระเบิดสงครามสตรีมมิ่งแพลตฟอร์มอย่างเต็มรูปแบบ หลังปล่อยให้คู่แข่งไม่ว่าจะเป็นเน็ตฟลิกซ์ , วิว, วีทีวี ทำตลาด โกยคนดูไปล่วงหน้าเป็นปี โดยผู้สนใจเตรียมตัวสมัครเป็นสมาชิกตั้งแต่วันที่ 30 มิ..นี้

ด้าน "เอไอเอส" ในฐานะเป็นตัวแทนจำหน่ายหนึ่งเดียว การร่วมมือกับดิสนีย์ เพื่อนำสุดยอดความบันเทิงมาสู่ตลาดประเทศไทย ที่เชื่อว่าคนไทยจำนวนมากต้องมนต์เสน่ห์ของภาพยนตร์จากดิสนีย์ เพราะมีคอนเทนท์โดนใจผู้บริโภคทุกกลุ่มทุกวัย จึงมอบความพิเศษให้แก่สมาชิกเอไอเอส โดยลูกค้าสมัครสมาชิกดิสนีย์ พลัส ฮอทสตาร์ ตั้งแต่วันนี้ ถึง 27 มิ.ย. จะจ่ายในราคาพิเศษเพียง 35 บาทต่อเดือน จากราคาเต็ม 99 บาทต่อเดือน และแถมสิทธิพิเศษอีก 1 เดือนด้วย

162313475984

วันนี้ประเดิม "เอไอเอส" เป็นพาร์ทเนอร์ช่วยกระจาย และดึงลูกค้า แต่ที่ขาดไม่ได้คือ "คอนเทนท์" ซึ่งต้องเป็นระดับท็อป แม้ดิสนีย์จะมีจุดแข็งจากภาพยนต์ระดับบล็อกบัสเตอร์มากมาย แต่ทุกประเทศ การจะชนะใจผู้ชม ต้องมี Local Content รวมถึง Exclusive Content สิ่งที่ดิสนีย์ทำ จึงไม่ต่างจากแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่ต้องจับมือพันธมิตร เพื่อสร้างภาพยนตร์ ซีรีส์ ละครฯ ป้อนแพลตฟอร์ม ในไทย จีดีเอช559, ช่องวัน31, สหมงคลฟิล์ม และกันตนา มูฟวี่ทาวน์ ล้วนตบเท้าร่วมงานเรียบร้อย เพื่อจะผลิต Original Content ให้กับดิสนีย์ พลัส ฮอทสตาร์ 

ส่วนระดับภูมิภาค เกาหลีใต้ ไม่ตกขบวน ระดับยักษ์ใหญ่หนึ่งใน "แชร์บอล" อย่าง CJ E&M ก็เข้ามาร่วมวงเป็นพันธมิตรเรียบร้อยแล้ว 

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ เน็ตฟลิกซ์ มีคัมภีร์ในการสร้าง Original Content แต่ต้นทุนสูง ผลตอบแทนที่พันธมิตรบางรายเคยบอกว่า "ต่ำ" ไม่คุ้มที่จะลงทุน แต่ Content ระดับ A อย่าง Vincenzo มีประเมินออกมาว่างบลงทุนต่อตอนมากถึง 2 ล้านดอลลาร์ จึงต้องมาดูว่า ดิสนีย์ พลัส ฮอทสตาร์ มี Win-win Strategy กับ Original content อย่างไร แต่ที่แน่ ค่ายผู้ผลิตคอนเทนท์ที่ร่วมงานด้วย ย่อมได้โปรไฟล์การทำงานกับยักษ์ใหญ่ระดับโลก เพื่อประดับพอร์ตโฟลิโอของบริษัท นอกเหนือจากรายได้และ "กำไร"