'คิงส์เมน' ลั่นปีนี้ธุรกิจพร้อม 'เทคออฟ'

'คิงส์เมน' ลั่นปีนี้ธุรกิจพร้อม 'เทคออฟ'

ใช้เวลา 2 ปี ปลดทุกข์องค์กรหลังธุรกิจเผชิญความท้าท้ายครั้งใหญ่ ! 'ชยวัฒน์ พิเศษสิทธิ์' ผู้ก่อตั้ง 'คิงส์เมน ซี.เอ็ม.ที.ไอ.' ลั่นปี 64 พร้อม 'เทิร์นอะราวด์' แม้โควิด-19 กระทบแต่ในวิกฤติมีโอกาสเหตุลูกค้าโรงแรม-ห้างสรรพสินค้าใช้จังหวะ 'รีโนเวท'

ธุรกิจติดหล่มนาน 2 ปี !! หวังปี 2564 กลับมา 'เทิร์นอะราวด์' ครั้งใหม่... ประโยคเด็ดของ 'ชยวัฒน์ พิเศษสิทธิ์' ประธานกรรมการ และผู้ก่อตั้ง บมจ. คิงส์เมน ซี.เอ็ม.ที.ไอ. หรือ เริ่มต้นบทสนทนากับ 'กรุงเทพธุรกิจ BizWeek' 

ทำไม ? ถึงบอกว่าธุรกิจของ 'คิงส์เมน' ติดหล่ม หากย้อนดูนับตั้งแต่บริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2558 ในราคาหุ้นละ 5.80 บาท ซึ่งหลังจากได้เงินจากการเสนอขายหุ้นไอพีโอมาแล้ว บริษัทเดินแผนธุรกิจแบบเร่งขยายอาณาจักรคิงส์เมนเติบโตอย่างรวดเร็วมาก สะท้อนผ่านการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยเป็นการใช้เงินลงทุนทั้งเงินในส่วนของไอพีโอและเงินกู้สถาบันการเงิน ส่งผลให้มีการใช้เงินเกินตัวไปมาก

แต่ประเด็นสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจค่อนข้างหนักคือ การยกทีมออกของหุ้นส่วนสำคัญ ที่ดูแลในส่วนของ 'ธุรกิจตกแต่งภายใน' (Interiors หรือ INT) ซึ่งเป็นส่วนที่ก่อนหน้านั้นบริษัทมีการขยายงานโครงสร้างพื้นฐานในธุรกิจตกแต่งภายในเพื่อรองรับงานในอนาคต โดยเงินลงทุนขยายธุรกิจดังกล่าวเป็นหลักพันล้านบาท 

'ดังนั้น เมื่อเราไม่สามารถรักษา (maintain) หุ้นส่วนที่ดูแลในธุรกิจตกแต่งภายในไว้ได้ เมื่อขยายงานแล้วหุ้นส่วนก็แตก ทำให้ธุรกิจเราต้องสะดุดไป เนื่องจาก 2 ปัญหาใหญ่คือ ขยายงานเกินตัวและรักษาหุ้นส่วนไว้ไม่ได้'

'เจ้าของตัวจริง' เล่าต่อว่า บริษัทใช้เวลาใน 'การปรับโครงสร้างภายในใหม่' ตั้งแต่ต้นปี 2561 เป็นเวลานานกว่า 2 ปีรวมทั้งการเคลียร์งานเดิมที่หุ้นส่วนรับงานไว้ก่อนหน้าที่จะยกทีมลาออกประมาณ 4-5 โครงการใหญ่ ซึ่งบริษัทเพิ่งเริ่มตั้งหลักได้เมื่อปลายปี 2563 

รวมทั้งในปี 2563 บริษัทตัดสินใจหยุดดำเนินกิจการสาขาทั้งในประเทศเมียนมาและกัมพูชาไว้ชั่วคราวก่อน และคาดว่าต้องใช้เวลาอีกไม่ต่ำกว่า 2 ปี ในการพิจารณากลับไปเปิดดำเนินการธุรกิจอีกครั้ง เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันไม่เอื้ออำนวยในการลงทุนต่อ ประกอบกับตั้งแต่เปิดสาขามาทั้งสองประเทศมีผลดำประกอบการที่ 'ขาดทุนทุกปี' 

'เราใช้เวลาปรับโครงสร้างภายในกว่า 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในวันนี้เราสามารถพูดได้แล้วว่าเราพร้อมที่จะกลับมาเทคออฟได้อีกครั้ง !'

เขา บอกต่อว่า แผนธุรกิจในปีนี้บริษัทจะเน้นรับงานอย่าง 'ระมัดระวัง' และไม่รับงานเกินตัวในทั้ง 2 ธุรกิจ คือ ธุรกิจตกแต่งภายใน (Interiors หรือ INT) และ ธุรกิจงานแสดงสินค้าและนิทรรศการ พิพิธภัณฑ์และสวนสนุก การตลาดอื่นๆ (Exhibitions & Events, Thematic & Museums, Alternative Marketing หรือ EMA)

โดยในปีนี้ธุรกิจที่มีการเติบโตที่ดีจะเป็นในส่วนของธุรกิจตกแต่งภายใน โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่เป็นโรงแรมและห้างสรรพสินค้า สะท้อนผ่านบริษัทได้รับงานตกแต่งภายในของ 'โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น' ที่ลงทุนในส่วนของศูนย์ประชุม มูลค่างาน 330 ล้านบาท คาดส่งมอบงานภายในเดือนมิ.ย.นี้ โดยบริษัททยอยรับรู้รายได้เข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 1-3 ของปี 2564 และงานในส่วนของห้างสรรพสินค้าของกลุ่มเซ็นทรัลตามแผนที่จะเปิดห้างสรรพสินค้าใหม่

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทยังไม่ได้หาลูกค้าใหม่มากเพิ่มเข้ามา เนื่องจากลูกค้าเก่ายังมีงานเข้ามาอีกจำนวนมาก ซึ่งเราจะเน้นรับงานอย่างระมัดระวังและไม่รับงานเกินตัว นอกจากนี้ บริษัทยังหันมารับงานตกแต่งภายในชอปแบรนด์สินค้าระดับไฮเอนที่มีการขยายงานในส่วนนี้ค่อนข้างมาก เป็นลักษณะชอประยะสั้นประมาณ 6 เดือน เนื่องจากกลุ่มลูกค้าระดับบนไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังมีกำลังซื้อสินค้าแบรนด์เนมต่างๆ

โดยศักยภาพการรับงานตกแต่งภายในบริษัทสามารถรับงานได้มูลค่า 600-700 ล้านบาทต่อปี เดิมบริษัทเคยรับงานได้ถึงระดับ 2,150 ล้านบาท (ปี 2561) ซึ่งคาดว่าภายใน 2-3 ปีข้างหน้า บริษัทจะสามารถกลับไปรับงานมูลค่าได้เท่าเดิม หลังภาวะเศรษฐกิจกลับมาขยายตัว

สำหรับเป้าหมายปีนี้ตั้งเป้ารายได้เติบโต 1,150 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่างานในมือ (แบ็กล็อก) ประมาณ 617.50 ล้านบาท และปัจจุบันมีเสนอราคาประมูลงานจำนวน 20-30 โปรเจค คิดเป็นมูลค่า 750 ล้านบาท แม้ในปีนี้คาดว่าปริมาณงานในตลาดคงยังไม่กลับมาปกติ สะท้อนผ่านหลายงานมีการยกเลิก เพราะการกลับมาระบาดใหม่ของโควิด-19 คาดว่าจะเศรษฐกิจจะกลับมาในปีหน้า แต่คงยังไม่กลับมาปกติเท่าก่อนโควิด-19

'ถึงแม้ว่าบางงานจะชะลอออกไปด้วยผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่อย่างไรก็ตามเมื่อสถานการณ์คลี่คลายขึ้น งานต่างๆก็เริ่มกลับมา และงานที่มีการเลื่อนออกไปก็ยังคงเดินหน้าในการจัดในไตรมาสอื่นๆของปีนี้ หรือ ปีหน้า' 

อย่างไรก็ตาม แม้เศรษฐกิจในประเทศและผู้ประกอบการได้รับผลกรทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 นับตั้งแต่ปี 2563 และต่อเนื่องมาในปี 2564 ส่งผลให้โครงการต่างๆ ชะลอออกไป ทว่า คิงส์เมน หนึ่งในผู้นำธุรกิจออกแบบ ตกแต่งและก่อสร้าง (Design & Build) ยังมีกลุ่มลูกค้าเก่าดำเนินการลงทุน ถือเป็นจังหวะที่จำนวนนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศลดลง 'รีโนเวท' โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มโรงแรมและห้างสรรพสินค้า เพื่อรอการกลับมาของธุรกิจ หลังโควิดคลี่คลาย !

'ปีนี้เราทำอะไรหลายๆอย่างให้ตัวเราเบาขึ้น เคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้น รวมไปถึงการตัดค่าใช้จ่ายต่างๆออกไป ซึ่งปีนี้งานต่างๆก็เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แม้ว่าจะมีช่วงต้นปีที่มีผลกระทบจากโควิด-19 บ้าง แต่ปัจจุบันก็เริ่มกลับมาแล้ว เราก็จะเดินหน้าประมูลงานใหม่ๆเข้ามาเสริมต่อเนื่อง'