พาณิชย์เร่งเจรจาขายข้าวดันส่งออกไทย

พาณิชย์เร่งเจรจาขายข้าวดันส่งออกไทย

“จุรินทร์”สั่งการกรมการค้าต่างประเทศเดินหน้าเจรจาขายข้าวไทย ทั้งขายเองในรูปแบบจีทูจี พร้อมร่วมมือเอกชนเพิ่มโอกาสส่งออก ล่าสุดเตรียมนัดเจรจาผ่านทางออนไลน์ ทั้งบังคลาเทศ อิรัก จีน หลังคุยฟิลิปปินส์และฮ่องกงไปแล้ว สนใจซื้อข้าวไทยเพิ่มขึ้

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมการค้าต่างประเทศ เร่งดำเนินการขยายตลาดข้าวไทย เพื่อผลักดันการส่งออก โดยใช้การเจรจาผ่านช่องทางออนไลน์ กับหน่วยงานที่ดูแลการนำเข้าข้าวของประเทศต่างๆ เพื่อผลักดันการขายข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) และทำงานร่วมกับภาคเอกชนในการเจรจากับผู้ซื้อ ผู้นำเข้า ให้เพิ่มการนำเข้าข้าวไทย เพื่อเพิ่มโอกาสในการส่งออกข้าว และนำรายได้เข้าประเทศ

โดยตลาดเป้าหมายที่ต้องเน้น ได้แก่ อินโดนีเซีย และบังคลาเทศ เพราะที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติให้ทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในการซื้อขายข้าว 1 ล้านตันต่อปี ซึ่งต้องติดตามความคืบหน้า รวมถึงอิรัก ที่มีโอกาส เพราะได้เปิดโอกาสให้ไทยเข้าไปประมูลขายข้าวได้แล้ว และจีนที่มีMOUซื้อขายข้าวค้างอยู่ เป็นของเก่า 3 แสนตัน ที่ต้องหาทางผลักดันให้จีนซื้อต่อไป

             

นายกีรติ รัชโน อธิบดีการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า กรมฯ ได้เตรียมการเจรจาผ่านทางออนไลน์กับประเทศผู้ซื้อที่เป็นเป้าหมายในการขายข้าว ทั้งการซื้อขายในรูปแบบจีทูจี และการซื้อขายโดยเอกชนแล้ว เช่น บังคลาเทศ มาเลเซีย อิรัก ญี่ปุ่น และจีน เป็นต้น ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการประสานงานนัดหมายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อเจรจาในรายละเอียด และสร้างความสัมพันธ์ที่ดี รวมทั้งติดตามสถานการณ์ความต้องการซื้อข้าว และผลักดันให้มีการซื้อข้าวไทยเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ กรมฯ ได้ร่วมมือกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย และทูตพาณิชย์ที่ฟิลิปปินส์ จัดประชุมหารือกับผู้นำเข้า ห้างค้าปลีก ผู้กระจายสินค้าข้าวฟิลิปปินส์ ผ่านทางออนไลน์ไปแล้ว มีแนวโน้มที่ฟิลิปปินส์จะซื้อข้าวไทยเพิ่มขึ้น หลังจากที่รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้ยกเลิกนโยบายจำกัดการนำเข้าข้าวเชิงปริมาณและอนุญาตให้เอกชนนำเข้าข้าวได้เสรี ส่วนฮ่องกง ได้มีการหารือไปแล้วเช่นเดียวกัน มีแนวโน้มที่จะซื้อข้าวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะข้าวคุณภาพดี

             

สำหรับบังคลาเทศ กำลังอยู่ระหว่างการนัดหมาย มีเป้าหมายที่จะผลักดันให้บังคลาเทศซื้อข้าวไทยตามMOUปีละ 1 ล้านตัน ซึ่งหากมีความต้องการ ไทยก็พร้อมที่จะขายให้ กับอิรัก เคยเจรจากันไปแล้ว 1 ครั้งก่อนหน้านี้ และกำลังอยู่ระหว่างการนัดหมายอีกครั้ง เพื่อติดตามความคืบหน้า ส่วนญี่ปุ่น กำลังนัดหารือ เพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคการส่งออกข้าว และจีน ก็มีเป้าหมายที่จะหารือ เพื่อผลักดันให้จีนซื้อข้าวตามสัญญาจีทูจีที่ค้างอยู่ให้ครบต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน ไทยมีข้าวที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในทุกระดับ ตั้งแต่ข้าวหอมมะลิไทย ซึ่งเป็นข้าวคุณภาพดี ข้าวคุณลักษณะพิเศษ เช่น ข้าวสี ข้าวอินทรีย์ เป็นต้น และยังมีข้าวขาว ข้าวนึ่ง ที่ตอบสนองความต้องการของแต่ละประเทศได้ รวมทั้งยังมีข้าวพื้นนุ่ม ที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาด จึงมั่นใจว่าข้าวไทยยังเป็นที่ต้องการ และไทยยังมีจุดแข็งในเรื่องคุณภาพ มาตรฐาน ส่วนเรื่องราคา ขณะนี้ถือว่าแข่งขันได้ จากการที่เงินบาทอ่อนค่าลงมาจากเมื่อก่อน