ออนไลน์อสังหาพุ่ง จีนค้นข้อมูลซื้อคอนโด ญี่ปุ่น-ยุโรปเน้นเช่า

ออนไลน์อสังหาพุ่ง จีนค้นข้อมูลซื้อคอนโด ญี่ปุ่น-ยุโรปเน้นเช่า

โควิดระบาดระลอก 3 กระตุ้นผู้บริโภคค้นหาข้อมูล ซื้อ-เช่า อสังหาฯ ผ่านเว็บไซต์เพิ่มขึ้น 50% สวนทางระยะเวลาตัดสินใจซื้อนานขึ้น1-2ปีระบุกลุ่มคนจีนสนใจซื้อคอนโดเพื่อปล่อยเช่า ขณะที่ตลาดญี่ปุ่น ยุโรป อเมริกานิยมเช่า เผยตลาดบ้านมือสองได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น

นางกมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค โดยพบว่ามีผู้สนใจเข้ามาดูเว็บไซต์ดีดีพร็อพเพอร์ตี้เพื่อ ซื้อ-เช่า ในรอบปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 50% โดยบางช่วงอาจมีสนสนใจซื้อมากกว่าเช่าหรือบางช่วงเช่ามากกว่าซื้อ

ยกเว้นช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดโควิดรุนแรง พบว่าผู้บริโภคจะหันมาดูเรื่องการเช่ามากขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมของผู้ที่เข้าชมเว็บไซต์เพิ่มขึ้นจากเดิมมียอดเฉลี่ยเดือนละ 3 ล้านคน ขยับขึ้นมาถึง 3.5 ล้านคน โดยสัดส่วนของผู้ที่สนใจซื้อสูงถึง 75% ที่เหลือ 25% เป็นผู้ที่สนใจเช่า

การที่มีผู้สนใจซื้อมากกว่า เพราะเห็นว่าเป็นช่วงที่สินค้ามีราคาถูก ดังนั้นแทนที่จะจ่ายค่าเช่ารายเดือนจึงเปลี่ยนมาซื้อแทนเพราะเห็นว่าคุ้มกว่า และสิ่งที่เห็นได้ชัดคือจำนวนผู้ที่สนใจเข้ามาฝากข้อมูลเพื่อให้ดีเวลลอปเปอร์ติดต่อกลับหรือเอเจนท์ติดต่อกลับมีปริมาณมากขึ้น จากปกติเดือนละประมาณ 5 หมื่นราย ก็ขยับเพิ่มขึ้นเป็น 6-7 หมื่นราย

ขณะเดียวกัน ก็พบว่ามีชาวต่างชาติเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์คิดเป็นสัดส่วน 10% ต่อเดือน โดยเฉพาะกลุ่มคนจีนที่เข้ามาดูมากขึ้น เพื่อเปรียบเทียบราคาก่อนตัดสินใจซื้ออสังหาฯในประเทศไทย ส่วนภาพรวมของทำเลที่ผู้เยี่ยมชมทางเว็บไซต์ให้ความสนใจนั้น ทำเลหลักคือ พื้นที่กรุงเทพฯ โดยเฉพาะกลุ่มต่างชาติ ที่สนใจทำเลแนวรถไฟฟ้าในเมือง ซึ่งความสนใจมีทั้งรูปแบบการซื้อและการเช่า

ญี่ปุ่น อเมริกานิยมเช่า-จีนสนซื้อคอนโด

สำหรับสัดส่วนในการซื้อและเช่าของกลุ่มชาวต่างชาติ หากเป็นตลาดญี่ปุ่น ยุโรป และอเมริกา ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยจะนิยมการเช่ามากกว่าซื้อ ส่วนคนจีนนิยมเขัามาซื้อคอนโดมีเนียม เพื่อปล่อยเช่า ส่วนในพื้นที่ต่างจังหวัดอื่น หากเป็นคนจีนจะสนใจอสังหาฯ ในจ.ภูเก็ต จ.เชียงใหม่ พัทยา และ จ.ระยอง

นางกมลภัทร ระบุว่า ในช่วงของการระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ทำให้ความสนใจซื้อ-เช่า สะดุดในช่วงแรก (มี.ค.-เม.ย.) แต่ก็พบว่ามีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในเดือน พ.ค. ในทำเลส่วนใหญ่ ถึงแม้ว่าบางทำเลจะมียอดผู้ติดเชื้อค่อนข้างสูงก็ตาม

อย่างไรก็ตามแม้ว่าแนวโน้มจะดีขึ้น แต่พบว่าการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคจะใช้เวลานานขึ้น 1-2 ปี จากเดิมที่เคยใช้เวลาประมาณ 8 เดือนในการตัดสินใจ โดยเฉพาะอสังหาฯ ที่มีมูลค่าสูง เหตุผลที่ตัดสินใจนานขึ้น เนื่องจาก 1.สภาพเศรษฐกิจโลกชะลอตัว 2. ความไม่มั่นใจในฐานะการเงินที่มีความไม่แน่นอนสูง และรายได้ของผู้ซื้อลดลง ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้บริโภคมีความละเอียดในการคิดและตัดสินใจมากขึ้น

“ภาพรวมของดีมานด์ในการซื้อและเช่าที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงที่โควิด-19 เริ่มระบาดครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว เพราะ บางธุรกิจเติบโตดี อาทิ อีคอมเมิร์ซ ธุรกิจขนส่งสินค้า ต่างๆ แต่การตัดสินใจใช้เวลานานขึ้น”

ทั้งนี้หากมองตลาดในรายไตรมาส ประเมินว่าไตรมาส 2 สถานการณ์ตลาดคงไม่ดีไปกว่านี้ ไตรมาส 3 น่ายังมีอาการเหมือนเป็นไข้อยู่ และไตรมาส 4 หลังจากมีการฉีดวัคซีนโควิด-19 แพร่หลายมากขึ้น จะทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจน่าจะฟื้นตัวกลับมาบางส่วนเพิ่มเติม จากปัจจุบันที่ภาคการส่งออกดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตามในส่วนธุรกิจอสังหาฯ คงต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว เพราะกว่าที่ทุกคนมีความมั่นใจในการเดินทางใช้ชีวิต ตามปกติคงใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง โดยเฉพาะกำลังซื้อจากต่างประเทศที่เข้ามาประเทศไทย เชื่อว่า หากทุกประเทศฉีดวัคซีนกันได้มากถึง 70% จะทำให้บรรยากาศความเชื่อมั่นดีขึ้น อสังหาฯจะพลิกตัวกลับเหมือนเดิมอีกครั้ง

คาดแนวโน้มราคาปี64ยังนิ่ง

ส่วนแนวโน้มราคาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และทำเลต่างๆ ทั่วประเทศปรับลดลงจากช่วงไตรมาสแรกปี 64 และคาดการณ์ว่ายังไม่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอดทั้งปี 2564 จึงเป็นโอกาสดีสำหรับผู้ซื้อที่มีความความพร้อม ในการตัดสินใจซื้อในช่วงนี้

นางกมลภัทร กล่าวว่า อีกแนวโน้มหนึ่งที่น่าสนใจคือ ปัจจุบันคนที่จะซื้อบ้านมีความสนใจหันมาดูบ้านมือซื้อสองมากขึ้น เนื่องจาก 1. ทำเลตอบโจทย์ เพราะอยู่ในทำเลที่เหมาะสม มีรถไฟฟ้าผ่าน 2. ซื้อกับบุคคลทำให้สามารถต่อรองได้มาก ตามที่ทั้ง 2 ฝ่ายพอใจ ทำให้มีโอกาสที่จะคนหันมาซื้อบ้านมือสองมากขึ้น ในช่วงที่เกิดสถานการณ์โควิด เพราะราคาถูกกว่า บ้านใหม่ เหมาะกับภาวะกำลังซื้อของผู้ซื้อที่ต้องการของราคาไม่แพง โลเคชั่นดี

แต่ขณะเดียวกันคนที่ซื้อบ้านมือหนึ่ง ส่วนหนึ่งอาจเป็น ต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบสนองกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตยุคนิวนอร์มอล เช่น การมีพื้นที่ส่วนกลาง มีความปลอดภัย มีการใช้เทคโนโลยีไร้สัมผัสต่างๆมากขึ้น

“ภาพรวมอสังหาฯปีนี้ ทรงตัว หรือโตนิดหน่อย เพราะผ่านมาครั้งปีแล้วมาเจอโควิดระลอก3 ต้องรอดูสถานการณ์อีกทีไตรมาสสาม ไตรมาสสี่ซึ่งไม่น่าจหวือหวามากนักกว่าจะเศรษฐกิจฟื้นตัว นักท่องเที่ยวจะกลับมา” นางกมลภัทร กล่าว