'วิษณุ' ชี้ พ.ร.บ.งบประมาณ 65 สภาต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน 105 วัน

'วิษณุ' ชี้ พ.ร.บ.งบประมาณ 65 สภาต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน 105 วัน

รองนายกรัฐมนตรี แจง สภาเสียเวลาพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณ 65 ไปแล้ว 15 วัน ชี้หากสภาดำเนินการไม่แล้วเสร็จภายใน 105 วัน ให้ถือว่าให้ความเห็นชอบ และอนุมัติตามร่างทุกประการ แก้ไม่ได้แม้แต่ตัวเดียว

26 พ.ค.2564 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ว่าต้องพิจารณาให้เสร็จภายในเวลา 105 วัน นับตั้งแต่วันที่ส่งร่างให้กับสภา ซึ่งรัฐบาลได้ส่งร่างให้กับสภาตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค. แม้ขณะนั้นสภายังไม่ได้เปิดสมัยประชุมแต่จำนวนวันได้เริ่มนับแล้ว

ดังนั้น ถ้ามีการประชุมในวันที่ 31 พ.ค.เท่ากับเราเสียเวลาไปแล้ว 15 วัน จาก 105 วัน  สภาจะเหลือวันพิจารณาน้อยลง เพราะฉะนั้นถ้ามีอะไรไปตัดหน้าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณอีก หรืออย่างที่ ส.ส. บางคนกลัวการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จนขอให้เลื่อนการพิจารณาออกไปนั้น เวลาก็จะหายไป ซึ่งอาจทำให้พิจารณาได้ไม่แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด 105 วัน โดยรัฐธรรมนูญในมาตรา 143 บัญญัติไว้ว่า ถ้าสภาพิจารณาไม่เสร็จภายใน 105 วันให้ถือว่าให้ความเห็นชอบและอนุมัติตามร่างทุกประการ แก้ไม่ได้แม้แต่ตัวเดียว เพราะฉะนั้น จึงต้องพิจารณาให้เสร็จ

นายวิษณุ ยังกล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ในสภา จะส่งผลต่อการตัดสินใจในการเลื่อนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯหรือไม่ ว่า อย่าพึ่งพูด เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีการแพร่ระบาดในสภา เท่าที่ทราบมีการแพร่ระบาดที่แคมป์คนงานต่างๆ โดยเฉพาะแคมป์คนงานที่ก่อสร้างรถไฟฟ้า

ส่วนเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่มีข่าวว่าแม่บ้านสภาติดเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้น ตนไม่ทราบ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้คงต้องให้ทางสภาเป็นผู้ประเมินสถานการณ์ แต่ทั้งนี้อย่าลืมว่าเรามีกฎหมายในเรื่องข้อกำหนด 105 วันบังคับอยู่ ทางที่ดีควรพิจารณาให้เสร็จโดยเร็ว โดยใช้วิธีลดความแออัดลง ใครที่ไม่พูดก็ไม่ต้องไปนั่งในห้องประชุม เข้าไปเฉพาะเวลาที่มีการนับองค์ประชุมอย่างนี้น่าจะสบายหน่อย

ถึงแม้เวลาพูดหรืออภิปราย ข้อกำหนดของสภาอาจจะมีการให้ผ่อนผันให้สามารถถอดหน้ากากได้หากประธานในที่ประชุมอนุญาต แต่ไม่ควรที่จะถอด ขนาดผมนั่งประชุมยังเกือบเป็นลมคาไมโครโฟน เพราะหายใจไม่ออก ดังนั้น เหลืออยู่คำเดียวคืออย่าพูดมาก อย่างไรก็ตาม เท่าที่ทราบทางสภาเตรียมเสนอให้ตั้งไมโครโฟนไว้ต่างหาก อย่าใช้ไมโครโฟนตรงที่นั่งประจำ ใครที่ต้องการพูดก็ให้ออกมาพูดที่ไมโครโฟน จะได้ไม่มีการแย่งกันพูด และหลังจากคนหนึ่งพูดเสร็จให้มีการฉีดแอลกอฮอล์และเปลี่ยนผ้าคลุมเป็นระยะ ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ถือว่าใช้ได้ ผมเห็นด้วย แต่ถ้ายืนพูดอยู่ตรงที่นั่งนั้นถือว่าอันตราย เพราะมีบางคนแม้นั่งอยู่ที่อื่น แต่พอมีคนลุกขึ้นพูดก็ชอบมานั่งใกล้ ๆ เพื่อจะได้ออกทีวี อย่างนั้นรับน้ำลายไปเต็มๆ”นายวิษณุ กล่าว