“สภาพัฒน์” ห่วงปลดล็อกกัญชาดันอาชญากรรมพุ่ง

“สภาพัฒน์” ห่วงปลดล็อกกัญชาดันอาชญากรรมพุ่ง

“สภาพัฒน์” ห่วงผลข้างเคียงปลดล็อกกัญชา ทำยา เครื่องมือการแพทย์แพงขึ้น แถมมีปัญหาทางสังคม ทำให้เยาวชนเสพมากขึ้น ยกตัวอย่างรัฐโคโลราโด ของสหรัฐฯพบเยาวชนก่ออาชญากรรมเพิ่มขึ้นถึง 11 เท่า

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) เปิดเผยว่า การปลดล็อคกัญชาทำให้บางชิ้นส่วนของกัญชาสามารถใช้ในการผลิตสินค้าเชิงพาณิชย์ และตลาดกัญชาเฉพาะกัญชาเพื่อการแพทย์ของไทย ที่คาดว่าในปี 2564 จะมีมูลค่า 3,600-7,200 ล้านบาท 

โดยในเรื่องนี้แม้เป็นโอกาสใหม่แต่ต้องควบคุมในระดับที่เหมาะสม และต้องให้ความสำคัญที่ต้องให้ความรู้กับประชาชนด้วยว่าการใช้มากเกินไปจะมีผลเสียต่อสุขภาพ รวมทั้งต้องวางแนวทางการป้องกันไม่ให้เยาวชนเข้าถึง จะเห็นได้จากรัฐโคโลราโด ของสหรัฐอเมริกา ที่ปลดล็อคและอนุญาติให้ใช้อย่างถูกกฏหมาย ได้พบเยาวชนบริโภคกัญชามากขึ้น อัตราการก่ออาชญากรรมเพิ่มขึ้นถึง 11 เท่า

ประเทศไทยจึงต้องมีมาตรการเฝ้าระวังตั้งแต่ต้นไม่ให้เกิดปัญหาแบบต่างประเทศ ต้องกำหนดอายุของผู้ซื้อและผู้ใช้เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กนำไปใช้ได้เอง ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการใช้ผิดประเภท และอาจได้รับสารที่เป็นผลเสียต่อสุขภาพ

ปัจจุบันประเทศไทยได้มีผู้นำเข้า 11 ราย ผู้ผลิตหรือปลูก 82 ราย ผู้จำหน่าย1,372 ราย ผู้ผลิตหรือปรุง 5 ราย และผู้แปรรูปและสกัด 37 ราย ที่ได้รับอนุญาต ซึ่งการใช้กัญชาในทางการแพทย์และการพาณิชย์ยังขาดการกำหนดสัดส่วนระหว่างกันอย่างชัดเจน รวมถึงการควบคุมปริมาณสารสกัดที่เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะอาหาร

พร้อมทั้งกำหนดบทลงโทษที่เหมาะสมหากมีการใช้สารสกัดมาใช้ในสินค้าอุปโภคเกินที่กำหนดในผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้จำเป็นต้องมีแนวทางรองรับการดำเนินการด้านต่าง ๆ อีกหลายด้าน อาทิ การควบคุม/กำหนดรูปแบบการผลิตและราคาต้นทุนที่สูง ส่งผลต่อราคาสุดท้ายของผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ยาแพทย์แผนไทยอื่นๆปรับตัวสูงขึ้นไปด้วย