นายกฯลั่นปูพรมฉีดวัคซีนในกทม.ให้ได้5ล้านคนภายใน2เดือน สร้างภูมิคุ้มกันหมู่

นายกฯลั่นปูพรมฉีดวัคซีนในกทม.ให้ได้5ล้านคนภายใน2เดือน สร้างภูมิคุ้มกันหมู่

"นายกฯ" เผย 3 แผนกระจายวัคซีน ย้ำ เป้าหมายปูพรมกทม. ให้ได้อย่างน้อย 5 ล้านคน ภายใน 2 เดือน สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เปิดโอกาสให้ทุกวัยเข้าถึง ขออภัย ที่มีปัญหาติดขัดบ้าง สั่งเร่งรัดปรับปรุงแล้ว ระบุ วัคซีนได้ผลดี ไร้ผลข้างเคียงแม้แต่คนเดียว ลั่น เอาชนะโควิด ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึง ประเด็นสำคัญที่รัฐบาลให้ความสำคัญคือแผนการฉีดวัคซีนว่า ตนได้ประกาศให้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ รัฐบาลมีแผนการกระจายวัคซีน 3 ช่องทาง 1.ผ่านแอพลิเคชั่นหมอพร้อม วันนี้มีผู้เข้ามาลงทะเบียนแล้ว 7 ล้านคน ผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรัง 7 กลุ่มโรคแล้วจะเปิดให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 60 ปีลงทะเบียนได้ในวันที่ 31..นี้ ข้อดีคือผู้ลงทะเบียนสามารถจองคิวฉีดวัคซีนได้ที่โรงพยาบาลที่เลือกตามวันเวลาที่สะดวกเลือกได้เอง และรับรองได้ว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนในเวลาดังกล่าวอย่างแน่นอน เราจะต้องเตรียมความพร้อมให้ดีที่สุด หรือจะเป็นระบบอื่นๆของแต่ละจังหวัด เช่นภูเก็ตใช้คำว่าภูเก็ตชนะ หลายจังหวัดก็ดำเนินการของตัวเองอยู่แล้ว

นายกฯ กล่าวว่า 2. คือช่องทางเสริมจากช่องทางระบบหมอพร้อม เพื่อให้ประชาชนได้รับวัคซีนมากที่สุดเร็วที่สุด คือการลงทะเบียนที่จุดบริการฉีดวัคซีน ในกรณีที่มีวัคซีนสนับสนุนเพียงพอตนขอย้ำว่าในกรณีที่มีวัคซีนเพียงพอ เพราะบางทีประชาชนอาจจะไปมากกว่าจำนวนวัคซีนที่มีก็จะมีการพิจารณาจัดเตรียมระบบในช่องทางที่ให้เกิดความพร้อมมากที่สุดในการจัดสรร ถ้าไม่พอก็ต้องนัดไปวันใหม่ ไม่อยากให้ทุกคนผิดหวัง

นายกฯ กล่าวว่า 3. การกระจายวัคซีนเชิงยุทธศาสตร์ คือการจัดสรรการฉีดวัคซีนให้กลุ่มเฉพาะประชาชนกลุ่มเสี่ยง กลุ่มที่มีความจำเป็นพิเศษ หรือมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ และการดำเนินชีวิตของประชาชน เช่นบุคลากรทางการแพทย์ บุคลากรด้านหน้า อสม. พลเรือน ตำรวจทหาร พนักงานด้านการบิน ครู อาจารย์ ผู้ขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์สาธารณะ พนักงานรถไฟรถไฟฟ้า พนักงานในโรงแรม คณะผู้แทนทางการทูต องค์กรระหว่างประเทศ นักธุรกิจนักเรียน นักศึกษา ที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ บุคลากรในโรงงาน คนพิการ พนักงานภาคบริการ อาหารและยา และกลุ่มอื่นๆ เผื่อจำเป็นต้องฉีดเพื่อการดำรงค์ชีวิตและเศรษฐกิจไทยสามารถเดินหน้าไปได้ โดยไม่สะดุด กลุ่มบุคคลหรือสมาคมใดมีเหตุผลความจำเป็นเร่งด่วนสามารถยื่นเรื่องให้กระทรวงสาธารณสุข พิจารณาจัดสรรวัคซีนและจัดเตรียมสถานที่ฉีดต่อไปขอให้จัดลำดับความเร่งด่วนมา ทั้งจำนวนหรือกลุ่มต่างๆ

"เรามีเป้าหมายว่าจะระดมฉีดวัค

ซีนแบบปูพรม ให้กับประชาชนในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงสูง และเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศให้ได้อย่างน้อย 5 ล้านคน หรือ70% ของประชากร เผื่อจะสร้างภูมิคุ้มกันหมูให้ได้ภายในสองเดือน มิถุนายนและกรกฎาคม นอกจากโรงพยาบาลและจุดฉีดหลักแล้ว จะมีจุดฉีดวัคซีนเสริมอีก 25 จุด กระจายทั่วกรุงเทพฯ รวมถึงสถานีกลางบางซื่อ เพื่อให้ประชาชนที่หาเช้ากินค่ำและแรงงานต่างๆ เข้าถึงวัคซีนได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น" นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมาการวางระบบฉีดวัคซีนอาจมีปัญหาติดขัดอยู่บ้าง หรือเกิดความไม่ชัดเจนไม่เข้าใจ จากความสนใจที่มีการลงทะเบียนจำนวนมาก การวางแผนให้เกิดประสิทธิภาพตรงเป้าหมายของประเทศให้มากที่สุด ตนติดตามเร่งรัดให้มีการปรับปรุงโดยเร็วก็ขออภัยในการที่ทำให้เกิดความไม่สะดวกอยู่บ้าง แต่ขอยืนยันว่าทุกคนในประเทศไทย จะได้รับการฉีดวัคซีนอย่างแน่นอน เรามีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง มากเพียงพอ และจะเริ่มให้บริการพร้อมกันทั่วประเทศในต้นเดือน มิถุนายนนี้อย่างแน่นอน โดยจากที่ผ่านมา เราเร่งฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์และกลุ่มเสี่ยงไปแล้ว มากกว่า 2.3 ล้านโดส ได้ผลเป็นอย่างดี และไม่มีใครเกิดผลข้างเคียงร้ายแรงเลยแม้แต่คนเดียว จึงขอให้ท่านมีความมั่นใจได้

"ผมขอเน้นย้ำว่าในวันนี้ การฉีดวัคซีน เป็นวาระแห่งชาติ ที่จะต้องเร่งดำเนินการ เพื่อให้ทุกอย่างขับเคลื่อนต่อไปได้ นโยบายของผม คือเราต้องเดินหน้าปูพรมฉีดวัคซีนเข็มแรกให้เร็วและให้ถึงประชาชนจานวนมากที่สุดเท่าที่จะทาได้ หลังจากได้รับความความเห็นของประชาชนจานวนมาก ผมจึงได้ตัดสินใจว่า เราจะไม่รอให้คนวัยใดวัยหนึ่ง กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ได้รับวัคซีนจนครบก่อน จึงค่อย เปิดให้คนกลุ่มอื่นๆ ได้รับวัคซีน แต่เราจะปรับแผนการเดินหน้าประเทศด้วยการเปิดโอกาสให้ทุกคน ที่พร้อมฉีดวัคซีน ไม่ว่าจะเป็นวัยใด เข้าถึงวัคซีนได้ โดยเฉพาะวัยทำงาน เพื่อปกป้องคนทามาหากิน คนที่เป็นกำลังหลักในการหาเลี้ยงคนในบ้าน ให้ออกจากบ้านไปทางาน ทำมาหาเลี้ยงชีพ และเดินหน้า ชีวิตกันต่อไปได้

เพราะเราจะเอาชนะโควิดได้ก็ด้วยการเดินหน้าไปพร้อมๆกัน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ช่วยกันทำหน้าที่ของแต่ละคนให้ดีที่สุด ดูแลซึ่งกันและกันให้ดีที่สุด เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้ไปต่อได้ เราจะสู้ไปด้วยกัน ประเทศไทยต้องดีขึ้น ด้วยความร่วมมือร่วมใจ ความรักสามัคคี ของคนไทยด้วยกัน" นายกฯ กล่าว