ลุ้น Rebound (14 พ.ค. 64)

ลุ้น Rebound (14 พ.ค. 64)

วันพฤหัสที่ผ่านมาดัชนีตลาดปรับตัวลง เป็นไปตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาค และตลาดหุ้นต่างประเทศ จากความกังวลตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ออกมาสูงกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์

โดยในระหว่างวันดัชนีปรับตัวลดลงต่่าสุดถึง 71 จุดจากแรงขายลดความเสี่ยง ประกอบกับตัวเลขผู้ติดเชื้อในคลัสเตอร์ใหม่ๆ เป็นปัจจัยกดดัน ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,548.13 จุด -23.72 จุด -1.51% มูลค่าการซื้อขาย 143,714 ลบ. ต่างชาติ -2,458.07 ลบ. TFEX -55,850 สัญญา ตราสารหนี้ -2,489.27 ลบ.

ปัจจัยบวก

+ ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 433.79 จุด +1.29% หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานลดลงแตะระดับต่่าสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นกลุ่มต่างๆเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะหุ้นวัฏจักร ซึ่งเป็นหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

+ สหรัฐเปิดเผยยอดขาดดุลงบประมาณเดือนเม.ย. 2564 ที่ระดับ 2.26 แสนล้านดอลลาร์ โดยการขาดดุลงบประมาณในเดือนเม.ย.ปรับลดลง 5.12 แสนล้านดอลลาร์ -69%YoY

+ คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ย้ำแนวทาง 3 ระยะส่งเสริมผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ตั้งเป้าภายในปี 2573 ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าทุกชนิดอย่างน้อย 30% ของทั้งระบบ

+ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เร่งเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจคท์ พร้อมแก้ไขปัญหาความล่าช้าในการดำเนินงาน ลุยเมกะโปรเจกท์สร้าง'มาบตาพุด'เฟส3เดือนหน้า

+ อย. อนุมัติวัคซีน mRNA-1273 ของ Moderna ซึ่งนำเข้าโดย บริษัท ซิลลิคฟาร์มา จ่ากัด ผ่านการรับรองความปลอดภัย คุณภาพ ประสิทธิผล และนำมาใช้ในไทยได้

ปัจจัยลบ

- ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 2.26 ดอลลาร์ -3.4% ปิดที่ 63.82 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีรายงานว่าท่อส่งน้ำมันของบริษัทโคโลเนียล ไปป์ไลน์ เริ่มกลับมาดำเนินการอีกครั้งหลังถูกโจมตีทางไซเบอร์ และความกังวลว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันในอินเดีย

- นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารออสเตรเลีย แอนด์ นิวซีแลนด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป (ANZ) ประกาศเตือนว่า ประชากรสูงอายุของจีนที่เพิ่มมากขึ้นจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจโลกในอนาคต เนื่องจากห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกต้องพึ่งพาจีนซึ่งมีระบบเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกอย่างมาก

- ธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า ยอดปล่อยกู้ล็อตใหม่สกุลเงินหยวนในเดือนเม.ย.อยู่ที่ระดับ 1.47 ล้านล้าน ลดลง 2.293 แสนล้านหยวนจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว หลังแบงก์ชาติชะลอกระตุ้นเศรษฐกิจ

- ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ทั่วประเทศอยู่ในระดับ 2 พันคน เสียชีวิต 30 ราย และคลัสเตอร์ใหม่ต่อเนื่อง กทม.พบแคมป์คนงาน ITD ย่านหลักสี่ติดโควิด 196 ราย จาก 359 ราย

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาส Rebound หลังปรับตัวลงแรงวานนี้ โดยมีแรงหนุนจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานลดลงระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่ยังมีแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงแรง มองกรอบการเคลื่อนไหวในวันนี้ที่ 1,540-1,560 จุด

กลยุทธ์การลงทุน 

• หุ้นที่คาดว่าผลประกอบการ 1Q21 เติบโต XO

• หุ้นที่ได้ประโยชน์มาตรการเยียวยาโควิดระลอก 3 CPALL MAKRO CRC COM7 SYNEX CPW
• หุ้นที่เข้าคำนวณ MSCI Global Standard : CBG SCGP        หุ้นออก : KBANK-F DTAC
• หุ้นที่เข้าคำนวณ MSCI Global Small Cap : ACE PSL RCL SCCC SINGER SYNEX TTA TOA ไม่มีหุ้นออก

หุ้นรายงานพิเศษ 

                           STGT - IAA Consensus 59.25 บาท
                     ก่าไร 1Q64 เดินหน้าทำสถิติสูงสุดใหม่ และคาดว่ายังไปต่อ

162096885381

• กำไรสุทธิ 1Q64 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใหม่ที่ 10,052 ล้านบาท +2,345%YoY +18%QoQ อัตรากำไรสุทธิ 65% เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 47.4% ในปี 63 EBITDA margin 72% ทรงตัว QoQ สูงกว่าระดับ 56.4% ในปี 63 เนื่องจาก 1) รายได้ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1.54 หมื่นล้านบาท +13%QoQ +310%YoY ขณะที่ปริมาณขาย +7%YoY จาก demand ที่ยังเติบโตต่อเนื่องแต่ supply -6%QoQ ส่งผลให้ราคาถุงมือยางยังปรับขึ้นต่อ +20.6%QoQ 2) การได้รับ BOI จึงได้รับชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้จากการยางแห่งประเทศไทยทำให้มีคชจ.ทางการเงินต่ำโดยมี effective interest rate 2.04% และอัตราภาษีต่ำเพียง 6.8%

• แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังเติบโตได้อีกจาก 1) แนวโน้มความต้องการถุงมือยางทั่วโลก +17%YoY 2) ปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และสายเรือส่งออกที่ทยอยคลี่คลายตั้งแต่ 2Q64 เป็นต้นไป 3) การขยายกำลังการผลิตต่อเนื่องจากโรงงานใหม่สาขาสุราษฎร์ฯ ในเดือนมิ.ย. สาขาสงขลาภายใน 3Q64 สาขาตรังภายใน 4Q64 ตามเป้าภายในสิ้นปี 65 จะมีกำลังผลิตราว 5 หมื่นล้านชิ้นต่อปีซึ่งเติบโต 54.5% จากปี 63

• ความเห็น เรามีมุมมองบวกจากตลาดถุงมือยางเป็นตลาดของผู้ขายทำให้ราคาขายปรับขึ้นต่อเนื่อง ทำให้รายได้มีศักยภาพเติบโตต่อเนื่องในระยะ 1-2 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ บริษัทจ่ายเงินปันผลทุกไตรมาสและไม่ต้องเสียภาษีเงินได้เนื่องจากได้รับ BOI และ IAA consensus คาด Dividend yield เฉลี่ย 11.3% ราคาหุ้นซื้อขายที่ P/E เฉลี่ย 5.41 เท่าต่ำกว่ากลุ่มที่ระดับ 6.25 เท่า

หุ้นมีข่าว

ASIAN (“มุมมองบวก” Bloomberg Consensus 19 บาท) รายงานกำไร 1Q64 เท่ากับ 215 ลบ. +105%YoY +2%QoQ โดยมีรายได้จากการขายและบริการเท่ากับ 2,095 ลบ. +5.5%YoY -8.2%QoQ หนุนด้วยธุรกิจอาหารสัตว์ (สัดส่วน 38%) +13%YoY และ ธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ (สัดส่วน 15%) +23%YoY ส่วน %GPM เร่งตัวขึ้นสู่ 16.9% +150bps YoY +300bps QoQ ตามการเติบโตของธุรกิจอาหารสัตว์ที่มีมาร์จิ้นสูง ประกอบกับงวด 1Q64 มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 19 ลบ. แต่งวดเดียวกันในปีก่อนขาดทุน 21 ลบ.

แนวโน้มทั้งปี 64 บริษัทตั้งเป้าเติบโตราว 8-10% เน้นกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงที่ยังมีโมเมนตัมเติบโตดี ปัจจุบันใช้กำลังการผลิตเต็มที่ มีคำสั่งซื้อจากลูกค้ายาวจนถึงเดือน ก.ค. 64 และเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตในช่วงปลายปีนี้ ขณะที่ แนวโน้มงวด 2Q64 คาดรายได้ยังคงเติบโตต่อเนื่อง QoQ

ความเห็น เรามีมุมมองบวกจากแนวโน้มรายได้ที่เติบโตขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับ %GPM ที่ทรงตัวสูงจากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่มาร์จิ้นดี อย่างไรก็ดี การเร่งฉีดวัคซีนทั่วโลก อาจมีผลเชิงลบต่อแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง

(+) COM7 (Bloomberg Consensus 25.00 บาท) ปรับเพิ่มเป้ารายได้ปี 64 เป็นโตกว่า 20% จากเป้าเดิมโต 10% หลังไตรมาส 1/64 กวาดกำไรสุทธิ 565.6 ล้านบาท พุ่ง 96.5% ส่งซิกงบไตรมาส 2/64 โตกว่าปีก่อน เหตุไม่มีล็อกดาวน์ทำให้ปิดสาขา ย้ำแผนขยายปีนี้ครบ 1,000 สาขา (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) PLANB (Bloomberg Consensus 10.00 บาท) ทุ่มงบ 700-1,000 ล้านบาท ขยายสื่อโฆษณาในร้านค้าสะดวกซื้อ 7-Eleven ให้ครอบคลุมกว่า 2,000 สาขา เล็งหาพันธมิตรอัพฐานสื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัย ขณะที่ Q1/2564 มีรายได้ 1,024 ล้านบาท และมีกำไร 37 ล้านบาท ฟื้นตัวดีท่ามกลางสถานการณ์ COVID-19 ระลอก 2 (ที่มา ทันหุ้น)

(+) COTTO (Bloomberg Consensus 9.00 บาท) รุกโซลาร์รูฟ ตั้งเป้าปีนี้ราว 30-50 เมกะวัตต์ (MW) ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนยอดขาย 5% เดินหน้าเปิดคลังเซรามิกสาขาใหม่เพิ่มตามแผนงานคาดครบ 100 สาขา ภายในปี 2566 อวดไตรมาส 1/2564 กำไรโต 50% ที่ 187 ล้านบาท ปริมาณขายเพิ่ม-ต้นทุนลด (ที่มา ทันหุ้น)

ปัจจัยจับตา

ในประเทศ 

17 พ.ค. บจ.ส่งงบ 1Q64 วันสุดท้าย สภาพัฒน์ แถลง GDP ไตรมาส 1/64

19 พ.ค. ประชุมคณะกรรมการ กกร.

สัปดาห์ที่ 3 ส.อ.ท. รายงานยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์

สัปดาห์ที่ 3 กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขการส่งออก-นำเข้า

สัปดาห์ที่ 4 สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

สัปดาห์ที่ 5 สศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรม

28 พ.ค. ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

ต่างประเทศ

14 พ.ค. สหรัฐเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีก ราคานำเข้าและส่งออก การผลิตภาคอุตสาหกรรม สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ และ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนพ.ค.