CPALL - ซื้อ (13 พ.ค.64)

CPALL - ซื้อ (13 พ.ค.64)

ผลประกอบการ 1Q64: กำไรตํ่าเกินคาดอย่างมาก

Event

ผลประกอบการ 1Q64, ปรับประมาณการ และราคาเป้าหมายใหม่

lmpact

ผลประกอบการ 1Q64: กำไรตํ่ากว่าที่คาดเอาไว้อย่างมาก

กำไรสุทธิของ CPALL ใน 1Q64 อยู่ที่ 2.6 พันล้านบาท (-9% YoY, -3% QoQ) ต่ำกว่าประมาณการของเรา 24% และต่ำกว่า Bloomberg consensus 31% จากทั้งยอดขาย และ equity income จาก Lotus ต่ำเกินคาด ทั้งนี้ กำไรสุทธิใน 1Q64 คิดเป็นเพียง 15% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเราเท่านั้น แต่ถึงแม้จะไม่รวม equity income กำไรใน 1Q64 ก็ยังต่ำกว่าประมาณการของเรา 11% อยู่ดี

SSSG ใน 1Q64 อยู่ที่ -17.1% (จาก -4% ใน 1Q63, -18% ใน 4Q63 และประมาณการ 1Q64Fของเราที่ - 15%) จากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย ทั้งนี้ สินค้าอาหารมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็น 72.8% ของยอดขาย (จาก 70.8% ใน 1Q63) เนื่องจาก i) ภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอ และมีข้อจำกัดด้านการเดินทางซึ่งกดดันยอดขายของสินค้าที่ไม่ใช่อาหาร ii) CPALL วางจำหน่ายสินค้าพร้อมรับประทานราคาประหยัดและขายสินค้าที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งฉุดให้ product margin ลดลงเหลือ 26.3% ใน 1Q64 (จาก 26.8% ใน 1Q63) รวมถึงผลของสัดส่วนรายได้จาก Cash&Carry ที่มากขึ้น ส่งผลให้ consolidate gross margin อยู่ที่ 21.2% ต่ำกว่าที่เราคาดที่ 22.0%

Equity income จาก Lotus อยู่ที่ 36 ล้านบาท ต่ำกว่าที่เราคาดเอาที่ 500 ล้านบาท จาก i) ผลการดำเนินงานอ่อนแอท่ามกลางการระบาดของ COVID-19 ii) ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านทางธุรกิจสูงเกินคาด

ปรับลดประมาณการกำไรลงเพื่อสะท้อนการที่นักท่องเที่ยวฟื้นตัวช้า และค่าใช้จ่ายของ Lotus เพิ่มขึ้น

เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2564-65 ลง 12% เพื่อสะท้อนถึง i) การปรับลดสมมติฐาน SSSG ปีนี้เป็น -1.0% และปี 2565 เป็น 6.0% จากนักท่องเที่ยวต่างชาติฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด (KGI ปรับสมมติฐานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ลงเหลือ 2 ล้านคน (จากเดิม 8 ล้านคน) และปี 2565F ลงเหลือ 25 ล้านคน (จากเดิม 32 ล้านคน) ii) การปรับลดประมาณการ equity income จาก lotus ปีนี้ลงจากเดิม 2 พันล้านบาทเหลือ 300 ล้านบาท และปี 2565 เหลือ 900 ล้านบาทเนื่องจากผลการดำเนินงานอ่อนแอ และมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนผ่านทางธุรกิจเพิ่มขึ้น (เป็นโครงการที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องนานสองปี)

Valuation & Action

เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติฟื้นตัวช้าเกิดคาด และต้องรับรู้ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการซื้อ Lotus นานขึ้น เราจึง de-rate PER ของ CPALL ลงจากเดิมที่ 35.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีตของ MAKRO และ CPALL+1.0 S.D.) เหลือ 33.0X (+0.5 S.D.) และปรับลดราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ลงจากเดิมที่ 84.00 บาท เหลือ 70.00 บาท เราคาดว่าผลประกอบการของ CPALL จะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งโดยกำไรจะโตได้ถึง 22% ในปี 2565 หลังจากที่ประเทศไทยกลับมาเปิดประเทศ ซึ่งถือเป็นโอกาสในการลงทุนสำหรับนักลงทุนระยะยาว ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”

Risks

เศรษฐกิจชะลอตัวลง, ขยายสาขาใหม่ได้ช้ากว่าแผนที่วางไว้, disruption จากเทคโนโลยีใหม่, ถูกยกเลิกการใช้เครื่องหมายการค้า 7-Eleven, ความเสี่ยงด้าน logistic