'ดาวโจนส์'ทรุด681จุดผวาเฟดขึ้นดอกเบี้ย-ลดQEหลังเงินเฟ้อพุ่ง

'ดาวโจนส์'ทรุด681จุดผวาเฟดขึ้นดอกเบี้ย-ลดQEหลังเงินเฟ้อพุ่ง

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันพุธ(12พ.ค.)ปรับตัวร่วงลง 681 จุดขณะที่นักลงทุนวิตกว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเกินคาดจะกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ รวมทั้งลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 681.50 จุด หรือ 1.99% ปิดที่ 33,587.66 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 89.06 จุด หรือ 2.14% ปิดที่ 4,063.04 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 357.75 จุด หรือ 2.67% ปิดที่ 13,037.68 จุด

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงในวันนี้ ส่งผลให้ดัชนีแนสแด็กดิ่งลงกว่า 2% หุ้นกลุ่มธนาคารและพลังงานพุ่งขึ้นสวนทางตลาด
ดัชนีความผันผวน CBOE หรือ CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาด พุ่งขึ้นกว่า 3% ในวันนี้

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนเม.ย.ในวันนี้ โดยระบุว่า ดัชนีซีพีไอดีดตัวขึ้น 0.8% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมี.ค.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนีซีพีไอ พุ่งขึ้น 4.2% ซึ่งเป็นการดีดตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2551 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.6% หลังจากเพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนมี.ค. และหากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนีซีพีไอพื้นฐานพุ่งขึ้น 0.9% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3%

เมื่อเทียบรายปี ดัชนีซีพีไอพื้นฐานพุ่งขึ้น 3.0% ในเดือนเม.ย. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.3%

นักวิเคราะห์ ให้ความเห็นว่า การพุ่งขึ้นของดัชนีซีพีไอประจำเดือนเม.ย.เมื่อเทียบรายเดือน มีสาเหตุจากการดีดตัวขึ้นของราคาพลังงาน

ส่วนการพุ่งขึ้นของดัชนีซีพีไอเมื่อเทียบรายปี มีสาเหตุจากการเปรียบเทียบกับตัวเลขฐานที่ต่ำผิดปกติในเดือนเม.ย.2563 ซึ่งขณะนั้นราคาสินค้าได้ทรุดตัวลงโดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส

โควิด-19 และจากการประกาศมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด และคาดว่าตัวเลขดัชนีซีพีไอเมื่อเทียบรายปี จะถูกบิดเบือนจากความเป็นจริงต่อไปอีกหลายเดือน เนื่องจากมีการเปรียบเทียบกับราคาสินค้าที่ต่ำผิดปกติในปี 2563

ตลาดกังวลว่า ตัวเลขซีพีไอที่พุ่งขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ จะทำให้เฟดชะลอการผ่อนคลายนโยบายการเงิน โดยจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ รวมทั้งลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการคิวอีเพื่อสกัดเงินเฟ้อ จากปัจจุบันที่เฟดทำคิวอีอย่างน้อย 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน

ก่อนหน้านี้ เฟดเคยส่งสัญญาณลดวงเงินคิวอีในปี 2556 ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกต่อนักลงทุน ส่งผลให้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทและตลาดหุ้นทั่วโลกทรุดตัวลงอย่างหนักในปีดังกล่าว