บอร์ดวัคซีน รื้อระบบ งัดสูตร 30:50:20 เร่งฉีด ไฟเขียวให้ 'วอล์คอิน' ได้

บอร์ดวัคซีน รื้อระบบ งัดสูตร  30:50:20 เร่งฉีด ไฟเขียวให้ 'วอล์คอิน' ได้

คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติเห็นชอบ ปูพรมเร่งฉีดวัคซีนโควิด19 ในประชาชนเริ่มต้นเดือนมิถุนายนนี้ เปิดให้ประชาชน "วอล์คอิน" รับวัคซีนได้โดยไม่ต้องนัดหมาย จัดสัดส่วนตามความเหมาะสม เร่งจัดหาวัคซีนจากช่องทางอื่นเพิ่มเติม ตั้งเป้า 150 ล้านโดส

วันนี้ (12 พ.ค. 64) ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ โดยเปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบใน3 ประเด็นหลัก คือ 1. เพิ่มจำนวนวัคซีนจากเป้าหมายเดิมที่กำหนดไว้ 100 ล้านโดส เป็น 150 ล้านโดส ภายในปี 2565 ข้อ 2. เร่งทำงานเชิงรุกเพื่อให้การเจรจาจัดซื้อวัคซีนให้คืบหน้ารวดเร็ว ซื้อให้ได้มากที่สุดเพื่อเพิ่มโอกาสรับวัคซีนที่ดีที่สุดครอบคลุมถึงการกลายพันธุ์หรือสายพันธุ์อื่นๆ  3. การปรับแนวทางการฉีดวัคซีนให้ปูพรมฉีดเข็มแรกให้กับประชาชนให้มากที่สุดเพื่อเป็นการ ลดโอกาสในการติดเชื้อและความรุนแรงของโรค เพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตให้เข้าถึงวัคซีนได้อย่างรวดเร็ว 

รวมถึง มีมติให้ปรับแผนการฉีดวัคซีน ปูพรมฉีดวัคซีนเข็มแรกให้ประชาชน โดยเริ่มต้นในเดือนมิถุนายนนี้ ผ่าน 3 ช่องทาง คือ

1. กลุ่มที่มีการลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่นหรือ ไลน์แอด หมอพร้อม

2. การจัดขอเข้ารับวัคซีนเป็นกลุ่มหมู่คณะ เช่น ในโรงงานหรือสถานประกอบการขนาดใหญ่

และ 3. เปิดให้ประชาชนทั่วไป ได้เลยโดยไม่ต้องนัดหมายล่วงหน้า ตามจุดบริการต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาสำหรับประชาชนบางกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยี หรือติดปัญหาในการจองฉีดวัคซีน ให้เข้าถึงได้มากที่สุด 

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคเงินและทรัพย์สินให้กับสถาบันวัคซีนแห่งชาติในการสนับสนุนการวิจัยการผลิตและการกระจายวัคซีนให้มีคุณภาพและปริมาณที่เพียงพอเพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจให้กับประชาชนบริษัทห้างร้านต่างๆที่มีจิตศรัทธาจะสนับสนุนการวิจัยพัฒนาวัคซีนป้องกันโรค

สำหรับ วัคซีนที่ภาคเอกชนกำลังจัดหาเพื่อเป็นทางเลือกในขนาดนี้ยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการดำเนินการขององค์การเภสัชกรรมในการประสานข้อมูลทั้งนี้ต้องเป็นวัคซีนที่ผ่านการขึ้นทะเบียนและได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการอาหารและยาแล้วเท่านั้นจึงจะสามารถนำเข้าได้

ด้าน นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงษ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า แผนการปูพรมฉีดวัคซีนให้ประชาชนนั้นทางกรมควบคุมโรคมีแผนต้องฉีดวัคซีนในครอบคลุมร้อยละ 70 ของจำนวนประชาชนในแต่ละจังหวัด โดยพื้นที่ซึ่งมีการระบาดเช่นกรุงเทพมหานครและปริมณฑลแต่ก็เป็นไปตามความสมัครใจในการรับวัคซีน

แผนที่จะให้ประชาชนสามารถเข้ามารับวัคซีนได้โดยไม่ต้องนัดหมายนั้น จะเน้นกลุ่มบุคคลที่ไม่ได้มีประวัติการรักษาในสถานพยาบาล เป็นบุคคลกลุ่มอาชีพเสี่ยงเช่นกลุ่มพนักงานขับรถโดยสาร คนขับรถแท็กซี่ โดยสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนตามจุดต่างๆที่จัดให้เป็นจุดวัคซีน ซึ่งเป็นสถานที่เปิดโล่งมีระบบระบายอากาศมีระบบระบายอากาศและรองรับคนจำนวนมากได้เพื่อลดความแออัดเช่นสถานีกลางบางซื่อ จามจุรีสแควร์ เซ็นทรัลลาดพร้าว เดอะมอลล์บางกะปิ

มีการแบ่งสัดส่วนของการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในแต่ละจุดแตกต่างกันตาม สถานการณ์และการประเมินของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนั้นๆ เช่น อาจกำหนดให้กลุ่มที่มีการนัดหมายผ่าน LINE แอดหมอพร้อมหรือแอพพลิเคชั่นหมอพร้อม ร้อยละ 30 กลุ่มประชาชนที่ทางโรงพยาบาลประสานร้อยละ 50 และผู้ที่เดินทางเข้ารับวัคซีนด้วยตนเองโดยมิได้นัดหมายร้อยละ 20 โดยการเข้ารับวัคซีนนั้นจะใช้เกณฑ์ตามข้อบ่งชี้การใช้ทางการแพทย์ ไม่มีการเลือกยี่ห้อวัคซีนเองได้

ทั้งนี้ หากจังหวัดใดมีความพร้อมทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด สามารถดำเนินการได้ทันที ซึ่งหลังการเข้ารับวัคซีนแล้วประชาชนต้องลงทะเบียนเพื่อติดตามผลและประเมินอาการผ่านแอพพลิเคชั่นหรือ LINE แอด หมอพร้อม ส่วนกรณีไม่มีแอพพลิเคชั่นในการติดตามผลจะมีเจ้าหน้าที่ สาธารณสุขหรือโรงพยาบาลเป็นผู้ติดตามอาการหลังการรับวัคซีน

ส่วนกลุ่มอื่น เช่น กลุ่มเปราะบางกลุ่มคนด้อยโอกาส ทุกคนต้องได้รับวัคซีน แน่นอน แต่อยู่ในระหว่างจัดทำแผนรองรับเพื่อความมั่นใจในการเข้ารับวัคซีน ที่ปลอดภัย ชาวต่างที่อยู่ในประเทศไทย จะประสานผ่านทางกระทรวฃการต่างประเทศในการแจ้งเข้ารับวัคซีน ส่วนกลุ่มแรงงานต่างด้าวจะจัดฉีดวัคซีนในกลุ่มที่มีโอกาสเกิดการระบาดเช่นในโรงงานขนาดใหญ่ ตลาดใหญ่ เพื่อการควบคุมการแพร่ระบาดในพื้นที่นั้น