'กกพ.' จ่อเก็บค่าบริการใช้ไฟของ“โพรซูเมอร์” รีเซตค่าเอฟที เป็นศูนย์เริ่มม.ค.ปี 65

'กกพ.' จ่อเก็บค่าบริการใช้ไฟของ“โพรซูเมอร์”  รีเซตค่าเอฟที เป็นศูนย์เริ่มม.ค.ปี 65

กกพ. เล็งเก็บค่าบริการใช้ไฟฟ้าของ Prosumer รักษาเสถียรภาพระบบไฟฟ้าหลัก พร้อมรีเซตค่าเอฟที เป็นศูนย์ งวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 2565 ตามโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าใหม่ปี 2564-2568

แหล่งข่าวคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)ปิดเผยว่า กกพ. เตรียมพิจารณาเก็บค่าบริการการใช้ระบบไฟฟ้าของกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าที่กลายเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าใช้ไฟฟ้าเองหรือขายระหว่างกันได้ (Prosumer) เพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบไฟฟ้าหลังของประเทศ เนื่องจากในอนาคตกลุ่ม Prosumer มีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้น และอาจส่งผลให้เกิดความผันผวนในระบบไฟฟ้าหลัก เนื่องจากกลุ่ม Prosumerส่วนใหญ่เป็นผู้ติดตั้งแผงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์(โซลาร์เซลล์)ใช้เองในช่วงกลางวัน และยังพึ่งพิงไฟฟ้าจากระบบหลักในช่วงที่ผลิตไฟฟ้าเองไม่ได้ ทำให้เกิดการใช้ไฟฟ้าในระบบหลักไม่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นเหตุให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้ารวมของประเทศสูงขึ้น เพราะโครงสร้างค่าไฟฟ้าของประเทศยิ่งคนใช้น้อยการเฉลี่ยค่าไฟฟ้าแต่ละรายจะยิ่งสูงขึ้น

โดยขณะนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาวิธีดำเนินการและอัตราจัดเก็บค่าบริการที่เป็นธรรมทั้งกับผู้ผลิตและผู้ใช้ไฟฟ้า ซึ่งการคิดค่าบริการดังกล่าวได้รวมค่าไฟฟ้าสำรอง (backup rate)ไว้แล้ว และก่อนที่จะนำอัตราค่าบริการดังกล่าวมาประกาศใช้อย่างเป็นทางการนั้น ทาง กกพ.จะนำอัตราที่เหมาะสมไปเปิดรับฟังความเห็นจากประชาชนก่อน

ทั้งนี้ การจัดเก็บค่าบริการดังกล่าว จะอยู่ภายใต้การปรับโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าของประเทศไทย ปี 2564-2568 ซึ่งเป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2564 รวมถึง จะมีการพิจารณามาตรการจูงใจลดใช้ไฟฟ้า (Demand Response) แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีการใช้มาตรการนี้อยู่แล้ว แต่ กกพ.จะประชุมร่วมกันอีกครั้งพิจารณากำหนดอัตราที่จูงใจการลดใช้ไฟฟ้าแบบถาวร หรือ จะกำหนดอัตราตอบแทนต่อเมื่อเกิดการใช้มาตรการในแต่ละครั้ง

สำหรับมาตรการ Demand Response ที่ผ่านมามักจะถูกนำมาใช้ก็ต่อเมื่อเกิดเหตุการณ์แหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติต้องปิดซ่อมบำรุง ทำให้โรงไฟฟ้าขาดแคลนก๊าซฯ เพื่อผลิตไฟฟ้า หรือ ในช่วงที่เกิดความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด(พีค) เกินปริมาณโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ ทำให้ต้องขอความร่วมมือภาคเอกชนช่วยลดใช้ไฟฟ้า โดยผลประหยัดที่ลดได้จะให้คืนตอบแทนกับผู้เข้าร่วมโครงการ

แหล่งข่าว กล่าวอีกว่า ในช่วงปลายปี 2564 กกพ.จะเริ่มปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้าฐาน(ใหม่) ตามโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าของประเทศไทย ปี 2564-2568 และตามปกติแล้วโครงสร้างค่าไฟฟ้าฐานก็จะต้องปรับทุก 4 ปี โดยจะมีผลเริ่มใช้ตั้งแต่งวดเดือนม.ค.-เม.ย. 2565 เป็นต้นไป ซึ่งจะส่งผลให้ กกพ.จะต้องกำหนดค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(Ft) งวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 2565 ปรับให้เป็น ศูนย์ ด้วยการนำค่า Ft ไปรวมไว้ในค่าไฟฟ้าฐานแทน จากนั้นในงวดถัดไปเดือน พ.ค.-ส.ค.2565 ค่า Ft จึงจะเกิดขึ้นตามราคาเชื้อเพลิงที่มีการเปลี่ยนแปลงจริง และจะมีการคำนวนค่า Ft ในทุกๆ 4 เดือน ตามปกติต่อไป

โดยโครงสร้างค่าไฟฟ้าของประเทศไทย แบ่งเป็น ค่าไฟฟ้าฐาน และค่า Ft ปัจจุบันค่าไฟฟ้าฐาน อยู่ที่อัตราประมาณ 3.76 บาทต่อหน่วย ซึ่งคำนวณจากการลงทุนผลิตไฟฟ้าของ 3 การไฟฟ้าในช่วงทุกๆ 4 ปี ส่วนค่า Ft จะปรับเปลี่ยนตามเชื้อเพลิงที่เกิดขึ้นจริงทุกๆ 4 เดือน