เอฟเอ็นฯ ร่วมวงสินค้ากัญชา-กัญชง ผนึกดีโอดี ลุยสกินแคร์ อาหารเสริม เครื่องดื่ม

เอฟเอ็นฯ ร่วมวงสินค้ากัญชา-กัญชง  ผนึกดีโอดี ลุยสกินแคร์ อาหารเสริม เครื่องดื่ม

เอฟแอนด์ แฟคตอรี่ เอ๊าท์เลท ควง ดีโอดี ลุยผลิตสินค้ากัญชากัญชง หวังการออกตัวก่อนใคร จะชิงโอกาสทองในอนาคต ที่คาดการณ์ตลาดจะมีมูลค่าแตะ "หมื่นล้าน"

เมื่อโควิด-19 ทุบธุรกิจท่องเที่ยวให้ราบเป็นหน้ากลอง การฟื้นตัวยังห่างไกล เพราะการเปิดประเทศยังเลือนลาง หรือเปิดแล้วก็ไม่การันตีว่านักท่องเที่ยวจะกลับมาคึกคักเหมือนก่อนเจอโรคระบาด เอฟเอ็น แฟคตอรี่ เอ๊าท์เลท ห้างค้าปลีกจำหน่ายเสื้อผ้า เครื่องนอน เฟอร์นิเจอร์ จำนวน 11 สาขา รองรับนักเดินทางไทยและต่างชาติ วันนี้ลูกค้าหงอยเหงา เพราะหายไปราว 50% ส่วนผลประกอบการขาดทุน 27 ล้านบาท

ฝั่งหนึ่งอุปสรรคมีมาก อีกฟากเป็นโอกาสจึงต้องพลิกกระบวนท่า หาโมเดลธุรกิจใหม่ สร้างการเติบโต โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวกับพืชกัญชากัญชง จึงลงนามความร่วมมือกับ ดีโอดี ไบโอเทค” ลุยสินค้าใหม่เจาะผู้บริโภค

ธรรมศักดิ์ จิตติมาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอฟเอ็น แฟคตอรี่ เอ๊าท์เลท จำกัด (มหาชน) เล่าว่า ธุรกิจหลักอย่างเอ๊าท์เลท 12 เดือนที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบ ลูกค้าหายไปจำนวนมาก จนต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ ลดพื้นที่ให้บริการจาก 7,000-8,000 ตารางเมตร(ตร..) เหลือเพียง 200 ตร.. เท่านั้น และเป็นการขายสินค้าจำเป็นเพื่อให้ผู้บริโภคมาซื้อแล้วกลับบ้านทันที

นอกจากนี้ ปลายปีที่ผ่านมา ยังสร้างโมเดล รถทันใจ” นำสินค้าจำเป็นไปจำหน่ายให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายแบบประชิดตัวมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมี 15 คัน สิ้นปีจะขยายหน่วยรถเพิ่มเป็น 50 คัน และ 3-5 ปี จะมีรถทันใจวิ่งให้บริการ 300-500 คันทั่วประเทศ เป็นการขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น จากที่มีอยู่ 5 แสนราย

โควิดระบาดรอบแรกกระทบลูกค้า แต่สถานการณ์เริ่มดีขึ้นเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน และบริษัทมีการปรับแผนทำงานมาตลอด กระทั่งการระบาดรอบใหม่ ลูกค้าลดลงอย่างมากหลังสงกรานต์ คนอยู่บ้านมากขึ้น การมีรถทันใจจึงเป็นการนำสินค้าที่มีในเอฟเอ็น เอ๊าท์เลทฯ ไปถึงมือผู้บริโภคทีอาจยังไม่เคยเข้าถึงห้างงของเรา โดยเฉพาะในต่างจังหวัด อีดด้านช่วยลดความเสี่ยงในการเดินทางมาใช้บริการที่ห้างค้าปลีก

ล่าสุด ขุมทรัพย์ใหม่ที่ภาคธุรกิจโดดเข้ามาเกาะกุมหวังเป็นผู้เล่นรายแรกๆ หรือ First mover หนีไม่พ้นมีเอี่ยวเทรนด์สินค้า กัญชากัญชง” ที่จะเป็นพืชเศรษฐกิจมูลค่าแสนล้านบาท ส่วนสินค้าประเมินกันว่าตลาดจะแตะระดับ “หมื่นล้านบาท” ซึ่งมีโอกาสเห็น 3-4 หมื่นล้านบาท

บริษัทจึงลงนามความร่วมมือ(เอ็มโอยู)กับดีโอบีฯ เพื่อวิจัย พัฒนาและผลิตสินค้าที่มีส่วนผสมพืชกัญชากัญชง 3 หมวด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณ(สกินแคร์) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และเครื่องดื่ม นำร่องสินค้า 3 รายการ(เอเคยู) ได้แก่ สเปรย์ใช้ฉีดก่อนเข้านอน (Sleeping Mist)แบรนด์ ไบบูรี โคลน์ พลัส พริม, สบู่อาบน้ำและครีมบำรุงผิวกาย แบรนด์มิคลาย คาดจะวางขายได้ไตรมาส 3-4 นี้ ส่วนเครื่องดื่มมองไว้ 2-3 หมวด ซึ่งจะตกผลึกเร็วๆนี้

สำหรับช่องทางจำหน่ายจะวางขายที่เอฟเอ็น เอ๊าท์เลท โดยจะมีการเปลี่ยนพื้นที่ในร้านใหม่ เพื่อสร้างประสบการณ์ให้ผู้บริโภคมาทดลองใช้สินค้า เรียนรู้ เข้าใจพืชกัญชากัญชง และในอนาคตจะรองรับสินค้าโอท็อปที่เกี่ยวกับกัญชากัญชงด้วย รวมทั้งขยายช่องทางจำหน่ายสู่ออนไลน์ทุกรูปแบบ ทั้งไลน์ เฟซบุ๊ก แอ๊พพลิเคชั่นต่างๆ เป็นต้น

ด้านเป้าหมายยอดขายระยะ 3-5 ปี ต้องมีส่วนแบ่งตลาดรา 5-10% ของตลาดสินค้ากัญชากัญชง และให้มีสัดส่วนราว 10% ของรายได้รวมบริษัท

เหตุผลที่เรารุกตลาดสินค้ากัญชากัญชง คือการเห็นโอกาสทางการตลาดในอนาคต ซึ่งหลายกิจการตื่นตัวกับพืชกัญชากัญชง และเราเห็นตลาดจะมีขนาดใหญ่พอสมควรทั้งในและต่างประเทศ การออกตัวก่อนทำให้ได้เปรียบในการแข่งขัน บริษัทจะอาศัยจุดแข็ง การเก่งด้านทำเอ๊าท์เลท และเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า มารองรับตลาดซึ่งไม่ใช่แค่ขายสินค้าเราแต่รับขายสินค้าของชุมชนด้วย

ธนิน ศรีเศรษฐี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทเชี่ยวชาญการพัฒนาวิจัยคิดค้นสูตรนวัตกรรมและการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอางและสกินแคร์ มีจุดแข็งและความพร้อมด้านโรงสกัดวัตถุดิบรองรับความต้องการขอลูกค้า ประกอบกับการมีบริษัท สยาม เฮอเบิล เทค จำกัด ในเครือที่มาเสริมศักยภาพ ต่อยอดการผลิตธุรกิจกัญชง การร่วมมือครั้งนี้จึงคาดว่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทั้ง 2 บริษัท ส่วนการผลิตสินค้าให้เอฟเอ็นฯ เบื้องต้นมีกำลังผลิตเหลือ 50-60% เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า

ส่วนความคืบหน้าการขออนุญาตนำเข้าเมล็ดพันธุ์กัญชา ซึ่งก่อนหน้านี้ถูก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)เรียกคืนใบอนุญาต บริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไขรายละเอียด