‘หุ้นไทย’เช้านี้ร่วง17.37จุด หุ้นกลุ่มแบงก์เผชิญแรงขาย

ตลาดหุ้นไทยวันนี้เปิดช่วงเช้าดัชนี SETอยู่ที่ 1,565. 76จุด ลดลง 17.37 จุด  หรือ -1.10%

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงกว่า 10 จุด ชดเชยช่วงที่ตลาดบ้านเราได้ปิดทำการไป ซึ่งช่วงนั้นตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียต่างอ่อนตัวลง และยังได้รับแรงกดดันจากหลังจากนางเจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐระบุว่าอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อไม่ให้เศรษฐกิจสหรัฐร้อนแรงเกินไปจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่อาจทำให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น ซึ่งอาจไปทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นได้ และจะส่งผลให้เงินทุนไหลออกจากเอเชีย

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่ม Global plays ยังแข็งแรง แต่กลุ่ม Domestic plays กดดันตลาดฯ นำโดยหุ้นในกลุ่มแบงก์ จากความวิตกสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศ ที่จำนวนผู้ติดเชื้อวันนี้ได้ขึ้นกว่า 2 พันรายอีกครั้ง และยังกังวลเกี่ยวผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันนี้ด้วย

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวไซด์เวย์ทั้งในแดนบวก-ลบโดยให้แนวรับ 1,568 จุด ส่วนแนวต้าน1,580 จุด

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีเอสจี-ซีไอเอ็มบี เปิดเผยว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทนในวันนี้คาดยังอ่อนไหวและไร้ทิศทางจากแรงกดของตลาดในภูมิภาคและจำนวนผู้ติดเชื้อภายในยังพุ่งขึ้น

อย่างไรก็ตามตัวที่ยังพอพยุงดัชนีในช่วงนี้คือ ราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นใกล้ 70 ดอลลาร์ต่อบารเรล์ น่าจะยังพอช่วยพยุงดัชนีไม่ให้ไหลลงลึกๆ ปัจจัยหนุนยังคงเป็นงบ Q1/21 แต่ตลาดรับข่าวไปพอสมควรแล้ว วันนี้มองแนวต้านที่ 1,588-1,592 จุดและแนวรับที่ 1,577-1,573 จุด

ขณะที่แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทย ในสัปดาห์นี้ น่าจะยังมีพยายามที่ขึ้นทดสอบ 1600 จุดอีก หากมีปัจจัยหนุนที่ดีพอ ซึงมองว่ายังมีโอกาสเกิดต่ำจนกว่าจะถึงมิ.ย.

ทางกลับกันหากเกิดความผันผวนขึ้นมาอีกไม่ว่าจะเป็นจากภายนอกหรือภายใน แล้วดัชนียืนไม่ได้ มีแนวโน้มที่ดัชนี SET จะปรับตัวลงมาเล่นต่ำกว่า 1,550 จุดอีก จากแรงกดของการปรับลดกำไรของตลาดที่อาจเพิ่มขึ้น จากผลกระทบของมาตรการคุมเข้ม จำนวนผู้ติดเชื้อ และผลที่อาจเกิดจากความผันผวนของตลาดหุ้นสหรัฐ

ในเดือน พ.ค. โดยมีตัวแปรสำคัญคือ น้ำหนักการลงทุนในMSCIซึ่งจะประกาศในวันที่ 12 พ.ค ว่าจะออกมาอย่างไรหากน้ำหนักเปลี่ยนแปลงไม่มากทั้งเชิงบวกและลบ ก็นำจะไม่ส่งผลอะไรมาก แต่หากได้ปรับเพิ่มน้ำหนักอย่างมีนัย จะเป็นตัวหนุนให้ดัชนีขึ้นยืนเหนือ 1,600 จุดได้