ผู้ว่าฯ กระบี่ยอมรับบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อโควิค -19 เผยทีมสอบสวนลงเร่งค้นหาผู้ป่วยพื้นที่สีแดง อำเภอเมืองกระบี่ และอำเภอปลายพระยา
ที่ห้องประชุมพนมเบญจาชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดกระบี่หลังใหม่ พ.ต.ท. หม่อมหลวง กิติบดี ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยนายสมชาย หาญภักดีปฏิมา นายอนุวรรตน์ โหมดพริ้ง สองรองผู้ว่าราชการจังหวัด นายแพทย์วิทยา วัฒนเรืองโกวิท นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด พันเอก สมบัติ สืบท้วม รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด และพันตำรวจเอก ศิริชัย สุขศาตต์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ ร่วมรายการเคาะข่าว ครั้งที่ 1 แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 สายพันธ์ใหม่รอบสามในพื้นที่จังหวัดกระบี่ แผนบูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วน การเตรียมความพร้อมรองรับของโรงพยาบาลสนาม แนวโน้มสถานการณ์การแพร่ระบาดในพื้นที่ ด้านความมั่นคงในพื้นที่กับสถานการณ์ดังกล่าว และมาตรการบังคับใช้กฎหมายตามประกาศจังหวัดกระบี่
พ.ต.ท. หม่อมหลวง กิติบดี ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ขณะนี่ทางจังหวัดกระบี่มีผู้ป่วยสะสมยืนยันติดเชื้อไวรัสโควิด 139 คน รักษาตัวในโรนงพยาบาล และเอกชน 97 คน โรงพยาบาลสนาม 11 คน รักษาหายหลับบ้าน 32 คน ไม่มีผู้เสียชีวิต ผู้ป่วยที่พบส่วนใหญ่จากระบบการรักษาพยาบาลและการคัดกรองกลุ่มเสี่ยง 137 คน การค้นหาเชิงรุก 2 คน เป็นคนไทย 135 คน ต่างชาติ 4 คน สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 176 เตียง มีโรงพยาบาลสนามแห่งรกตึกโกเมน รองรับได้ 110 เตียง และโรงพยาบาลสนามแห่งที่สอง กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 รองรับได้ 240 เตียง
ซึ่งจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อดังกล่าวจังหวัดกระบี่ ได้เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการทางเดินหายใจเฉียบพลัน การเร่งค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกเพื่อคัดกรองกลุ่มเสี่ยงต่างๆ รวมถึงการค้นหาผู้สัมผัสเพิ่มเติมนำเข้าตรวจวินิจฉัย และรักษาโดยเร็ว โดยขอความร่วมมือประชาชนยกระดับตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรค ใส่หน้ากากอนามัย หมั่นลางมือด้วยเจลแลลกอฮอล์ เว้นระยะห่าง ห่างไม่มีความจำเป็นควรเก็บตัวอยู่ที่บ้าน และตามประกาศฉบับที่ 11 วันที่ 4 – 18 พฤษภาคม 2564 นี้ ขอให้ชาวกระบี่ทุกคนอยู่ที่บ้าน โดยทีมสอบสวนโรคติดต่อจะลงพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดสีแดง เพื่อเร่งทำการค้นหาผู้ป่วยนำไปรักษา และนำตัวกลุ่มเสี่ยงไปกักตัว 14 วัน
ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ยังกล่าวต่อไปอีกว่า ถึงแม้ว่าบุคลากรทางการแพทย์จะติดเชื้อไวรัสโควิด 19 แต่ทุกคนยังมีกำลังใจในการรักษาพี่น้องประชาชนอย่างเต็มความสามารถ ขอให้ผู้ป่วยติดเชื้อบอกข้อมูลความเป็นจริงกับเจ้าหน้าที่ เพื่อจะได้กำจัดพื้นที่การแพร่ระบาดอย่างเข้มข้นต่อไป ส่วนการจับกุมผู้ไม่สวมหน้ากากอนามัย กรมควบคุมโรค ได้มอบอำนาจให้กับพนักงานสอบสวนร้อยเวรเจ้าของคดี สามารถเปรียบเทียบปรับ ตั้งแต่ 6 พันบาท 1 หมื่น 2 พันบาท และไม่เกิน 2 หมื่นบาท โดยไม่ต้องขึ้นศาล