วัดใจ “3 กลุ่มทุน” ภูมิใจไทย จับตาเกมบีบถอนตัว หลังรุกหนัก“ศักดิ์สยาม”

วัดใจ “3 กลุ่มทุน” ภูมิใจไทย จับตาเกมบีบถอนตัว หลังรุกหนัก“ศักดิ์สยาม”

หาก “เนวิน” จะถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล บรรดา“นายทุน”ย่อมไม่เห็นด้วย เพราะการอยู่ร่วมรัฐบาลไปเรื่อยๆ คือโอกาสที่ “ผู้ลงทุน” ย่อมหวังได้ประโยชน์จากธุรกิจการเมือง

สัปดาห์ที่ผ่านมากระแสข่าวความเคลื่อนไหว คีย์แมนหลังฉากพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ไม่พอใจอย่างหนักที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ส่งสัญญาณกดดันจะปรับ "ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" รมว.คมนาคม เลขาธิการพรรคภูมิใจไทยออกจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพราะประเด็นนี้ไม่มีทีท่าจะเบาลง 

ความไม่พอใจของ “พล.อ.ประยุทธ์” ต่อ “ศักดิ์สยาม” ซึ่งดำรงตำแหน่งรมว.คมนาคม มาพีคสุดก็เมื่อติดโควิด-19 ท่ามกลางข้อสงสัยว่าจะมีสาเหตุมาจากคลัสเตอร์สถานบันเทิงย่านทองหล่อ แม้ “ศักดิ์สยาม” จะยืนยันหนักแน่นในไทม์ไลน์ว่าติดมาจากคนติดตาม แต่กระแสสังคมกลับไม่เอนเอียงไปตามที่ “ศักดิ์สยาม” ชี้แจง

คนในรัฐบาลอ่านเกม “พล.อ.ประยุทธ์” ว่า มีไม้เด็ดเอาไว้ต่อรองกับสองพี่น้อง “เนวิน-ศักดิ์สยาม” แน่ๆ โดยระแคะระคายว่า “ฝ่ายเสธ.” มีคลิป-ภาพช็อตเด็ดเตรียมไว้พร้อม ซึ่งนายกฯ มีข้ออ้างสมเหตุสมผลเรื่องห่วงภาพลักษณ์ของ ครม. จึงจำเป็นต้องขอปรับ “ศักดิ์สยาม” ซึ่งนี่เป็น "เหตุผลที่ยื่นกันบนโต๊ะ"

ทว่าเหตุผลที่ยื่นกันใต้โต๊ะ นักสังเกตการณ์การเมืองคาดว่า อาจมีเรื่องการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว การยกเลิกประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งอยู่ในความดูแลของ “ศักดิ์สยาม” เข้ามาเกี่ยวข้อง

หาก “เนวิน-ศักดิ์สยาม” ยังใช้ปมสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งดีเอสไอยื่นป.ป.ช.ตรวจสอบการล้มประมูล มาเล่นเกมต่อรองทางการเมือง เก้าอี้ รมว.คมนาคมของ “ศักดิ์สยาม” อาจไม่มั่นคงเหมือนเก่า

ศึกระหว่าง “พล.อ.ประยุทธ์” VS “เนวิน-ศักดิ์สยาม” แม้จะมีความอยู่รอดของรัฐบาลเป็นเดิมพัน แต่นาทีนี้ พล.อ.ประยุทธ์” ไม่มีความกลัว เพราะรู้ดีว่าภายใน “พรรคภูมิใจไทย” แม้ “เนวิน” จะเป็นเหมือน “พี่ใหญ่” กำกับดูแล และคอนโทรลน้องๆ ให้เดินตามเกมที่วางเอาไว้ได้ 

แต่ต้องไม่ลืมว่า ภายในพรรคภูมิใจไทย ก็มี “นายทุนหลายเจ้า” เข้าร่วมลงขัน หาก “เนวิน” จะถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล บรรดา“นายทุน”ย่อมไม่เห็นด้วย

เพราะการอยู่ร่วมรัฐบาลไปเรื่อยๆ คือโอกาสที่ “ผู้ลงทุน” ย่อมหวังได้ประโยชน์จากธุรกิจการเมือง ที่น่าสนใจคือ พรรคภูมิใจไทยมี “นายทุน” ระดับ “บิ๊กเนม” หลายกลุ่ม ที่มีธุรกิจมั่นคง และมั่งคั่งทั้งสิ้น

แม้แต่หัวหน้าพรรคอย่าง "อนุทิน ชาญวีรกุล"รองนายกรัฐมนตรี รมว.สาธารณสุข ก็ถือได้ว่าเป็นผู้สนับสนุนเบอร์ต้นๆ ของพรรค โดยมีธุรกิจครอบครัวระดับชาติ บริษัทรับเหมาก่อสร้างยักษ์ใหญ่ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น

“อนุทิน” ยื่นบัญชีต่อ ป.ป.ช.กรณีรับตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) 25 พ.ค.2562 มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 4,248,828,812.03 บาท แบ่งเป็นเงินฝาก 395,358,423 บาท เงินลงทุน 2,908,444,538 บาท

ส่วนผู้สนับสนุนสายโคราชและเครือข่ายสายอีสาน ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือ "กำนันป้อ-วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล" รมช.คมนาคม หรือเสี่ยแป้งมัน เจ้าของธุรกิจแป้งมันรายใหญ่ที่สุดของประเทศ ยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 19 เม.ย. 2564 มีทรัพย์สิน 248,534,489 บาท ส่วนหนี้สิน (ที่แจงว่าเกิดจากการค้ำประกัน) ที่แจ้งไว้เมื่อปี 2562 กว่าหมื่นล้านบาท หายเกลี้ยงไม่มีหนี้สินแล้ว

แม้ “วีรศักดิ์” จะมี ส.ส.ในคอลโทรลไม่มากนัก แต่ยามที่พรรคต้องการปัจจัยดูแลลูกพรรค “วีรศักดิ์” พร้อมบริการโดยไม่มีเกี่ยง จนมีกระแสข่าวว่ามีหลายครั้งที่ “พี่ใหญ่” ต้องต่อสายมารบกวน “วีรศักดิ์” ช่วยสนับสนุนกิจกรรมพรรค

ส่วนผู้สนับสนุนสายใต้  “โกเกี๊ยะ” พิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา สามี "นาที รัชกิจประการ" ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย แจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.ว่ามีทรัพย์สินรวมกันทั้งสิ้น 5,436,758,409 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 225,983,525 บาท

“โกเกี๊ยะ” เป็นเจ้าของ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) กิจการสถานีให้บริการน้ำมัน พี.ที. และกิจการอื่นอีกมากมาย “ปั๊มพีที” ของ “โกเกี๊ยะ” กำลังขยายสาขาครอบคลุมทั้งประเทศ แม้จะฐานหลักจะอยู่ทางภาคใต้ แต่เริ่มขยับขยายบารมีไปรุกพื้นที่ภาคอื่น

“โกเกี๊ยะ-นาที” คือแม่ทัพแดนใต้ของพรรคภูมิใจไทย การเลือกตั้งปี 2562 สามารถนำลูกพรรคคว้าเก้าอี้ ส.ส.แดนใต้ มาได้ถึง 8 ที่นั่ง ถือว่าเจาะฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ มาได้หลายพื้นที่

ปรากฎการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในจังหวะนี้ เมื่อระดับผู้สนับสนุนเบอร์หนึ่งกินแหนงแคลงใจกับผู้นำรัฐบาล โดยจ้องจะปรับ “ศักดิ์สยาม” พ้น รมว.คมนาคม นาทีนี้ จึงขึ้นอยู่กับข้อต่อรองบนโต๊ะ-ใต้โต๊ะ

แต่สำหรับอีก 3 นายทุน “เสี่ยหนู-เสี่ยแป้งมัน-โกเกี๊ยะ” ต่างอยู่ร่วมรัฐบาลกับ “พล.อ.ประยุทธ์” โดยไม่มีปัญหา และถึงมีปัญหาอยู่บ้าง ก็เป็นเรื่องที่เคลียร์กันจบง่ายๆ ไม่มีเกมหลายชั้น แต่หากยากจะอยู่กันต่อไป ก็น่าลุ้นว่า “3กลุ่มทุน” จะยอมเดินตามเกม“พี่ใหญ่บุรีรัมย์ ” หรือไม่

เพราะหากยอมถอนออกจากรัฐบาล “มิตรทางการเมือง” ของพรรคภูมิใจไทยแทบจะไม่เหลือ หรือหากจะกลับไปอยู่ร่วมกับ “นายเก่า” อย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ก็คงมีคนไม่ยอมกลืนเลือด ไม่ยอมเสียศักดิ์ศรี

ดังนั้น นาทีนี้การเดินเกมบีบ “ศักดิ์สยาม” พ้นเก้าอี้ รมว.คมนาคม ฝ่ายนายกฯ ประยุทธ์ จึงถือไพ่ได้เปรียบมากกว่า หากสองพี่น้อง “เนวิน-ศักดิ์สยาม” ยอมถอย เรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียว-สายสีส้ม ก็อาจต่ออายุเก้าอี้ รมว.คมนาคม ไปได้อีกนาน

แต่หากไม่ยอมอ่อนข้อให้  ก็มีหวังเจอแรงบีบหนักยิ่งกว่า เพราะนาทีนี้ ผู้นำรัฐบาลมั่นใจว่า แค่เสียงภูมิใจไทยไม่กระเทือนสถานะรัฐบาล ในเมื่อยังมี ส.ส.อิสระ เป็นทางเลือกที่ไม่ยาก