วิกฤติ‘การเมือง-โควิด’ทำชาวเมียนมา25ล้านยากจน

วิกฤติ‘การเมือง-โควิด’ทำชาวเมียนมา25ล้านยากจน

ยูเอ็นดีพี เตือนว่าภายในต้นปี 2565 ชาวเมียนมา 25 ล้านคน หรือเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งประเทศ อาจดำเนินชีวิตอยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจน ขณะการสู้รบระหว่างกองทัพเมียนมาและเคเอ็นยู ทำชาวเมียนมาหนีร้อนมาพึ่งเย็นในไทยกว่า 100 คน

นายอาคิม สไตน์เนอร์ ผู้ประสานงานโครงการยูเอ็นดีพี กล่าวว่าวิกฤตทั้งสองด้าน ทั้งการเมืองและการระบาดของโรคโควิด-19 อาจทำให้เมียนมาถอยหลังกลับไปในปี 2548 ที่ครึ่งหนึ่งของประชากรอยู่ในฐานะยากจน

“ถ้าไม่มีสถาบันประชาธิปไตยที่ทำหน้าที่ได้อย่างแท้จริง เมียนมาจะเผชิญกับการถอยหลังไปสู่ระดับของความยากจนที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชั่วอายุคน” นายสไตน์เนอร์ กล่าว

ทั้งนี้ การปราบปรามการชุมนุมประท้วงของรัฐบาลทหารเมียนมาสร้างความไม่พอใจให้แก่กองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์บางกลุ่มของประเทศ

ขณะที่มีหลายกลุ่มกล่าวประณามการกระทำของทหาร และให้การสนับสนุนการชุมนุมประท้วง รวมทั้งเสนอให้ที่หลบภัยแก่บรรดานักเคลื่อนไหวที่หลบหนีในพื้นที่ที่พวกเขาควบคุม และการปะทะกันระหว่างทหารและสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู) ในขณะนี้ก็ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆนับตั้งแต่เกิดการรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา

เจ้าหน้าที่ของไทยและเคเอ็นยู เปิดเผยว่า มีการโจมตีทางอากาศระลอกใหม่และการต่อสู้กันอย่างรุนแรงเมื่อวันศุกร์ (30เม.ย.) ส่งผลให้เกิดความตื่นตระหนกในหมู่ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ เป็นผลให้หลายคนหลบหนีข้ามพรมแดนมาไทยเพื่อความปลอดภัย

เจ้าหน้าที่ไทย ระบุว่า มีชาวเมียนมา 2,267 คนหนีข้ามเข้ามาในจ.แม่ฮ่องสอน เพื่อหลบหนีการสู้รบ ขณะที่หัวหน้าฝ่ายกิจการต่างประเทศของเคเอ็นยูกล่าวว่า มีชาวเมียนมาข้ามไปฝั่งไทยมากกว่า 100 คน ในวันนี้