'น้าค่อม ชวนชื่น' กว่าจะเป็นตลกหน้าตาย อ่านหนังสือไม่ออก แต่แสดงได้สุดยอด

'น้าค่อม ชวนชื่น'  กว่าจะเป็นตลกหน้าตาย อ่านหนังสือไม่ออก แต่แสดงได้สุดยอด

จากลิเกจนๆ มาเป็นตลกที่คนทั้งประเทศรู้จักและชอบมุขตลกที่ลื่นไหล สิ่งเหล่านี้‘น้าค่อม’ ไม่ได้มาง่ายๆ ทั้งๆ ที่อ่านหนังสือไม่ออก แต่จำบทแม่นมาก

     ถ้ามากกว่าคำด่าว่า “ไอ้สัสสสส” ที่หลายคนพูดถึง ‘น้าค่อม ชวนชื่น" หรือ อาคม ปรีดากุล วัย 62 ปี คนพระนครศรีอยุธยา ที่เพื่อนๆ เรียกติดปากว่า “น้าเหยิน” เรื่องราวชีวิตของน้าค่อม มีหลายอย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะการแสดงตลกที่ไม่เหมือนใคร

      จากลิเกจน ๆ สู่ตลกคาเฟ่ แล้วผันตัวเข้าาสู่วงการบันเทิงทางรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์ ซึ่งมีผลงานมากมาย ทั้งรายการและภาพยนตร์กว่า 60 เรื่อง  โดยช่วงแรก ๆ ที่เข้าสู่วงการ น้าค่อมเป็นสมาชิกคนหนึ่งในคณะชวนชื่นของพ่ออุดม ชวนชื่น ในบทบาทตลกตัวเสริม ด้วยคาแรคเตอร์ มึงมาพาโวย และมุกตลกหน้าตาย 

ซึ่งการแสดงตลกของน้าค่อม เป็นทักษะส่วนตัวที่ไม่เหมือนใคร ทั้ง ๆ ที่น้าค่อมอ่านหนังสือไม่ออก แต่ใช้วิธีจำบทจากคำบอกเล่าทั้งหมด นอกจากนี้เขายังมีพรสวรรค์ในการปล่อยมุกให้รื่นไหล สร้างความฮาได้ไม่เหมือนใคร

      แม้จะอ่านหนังสือไม่ออก แต่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับน้าค่อม เพราะเขาจำได้แม่นยำ และมีทีมงานคอยอธิบายว่า ตัวละครตัวนี้รู้สึกอย่างไร มีบุคลิกแบบไหน ต้องสื่อสารออกมาอย่างไร ถ้าไม่เข้าใจหรือมีศัพท์แสงภาษาวัยรุ่น น้าค่อมก็จะไปถามลูกชาย เพื่อจะได้เข้าถึงแก่นของเรื่อง

     

นอกจากนี้ น้าค่อมยังเป็นนักแสดงตลกที่ไม่เคยลืมบุญคุณใคร โดยเฉพาะพ่ออุดม ชวนชื่น โน้ต เชิญยิ้ม ที่ให้โอกาสเขามีวันนี้  และทำให้งานตลกเข้ามามากมาย จนแทบจะไม่มีเวลาพักผ่อน ต้องหันมาดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง จนกระทั่งเป็นโรคเบาหวาน

      น้าค่อมแสดงภาพยนตร์เรื่องแรก เรื่อง“กลิ่นสีและทีแปรง” ปี พ.ศ. 2539 รับบทเป็น ใบ แต่เรื่องที่ทำให้คนดูจดจำได้มากคือ บทบาทจากภาพยนตร์เรื่อง 7 ประจัญบาน ปี 2545 รับบทเป็น จุก เบี้ยวสกุล มือระเบิดที่ชอบพูดสบถ จนกลายเป็นคาแรคเตอร์ติดตัวในที่สุด

       จากนั้นก็มีผลงานเรื่อยมา อาทิ ผีหัวขาด ค่ายพระนครฟิล์ม, พยัคฆ์ร้ายส่ายหน้า 2548, แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า 2549 แล้วยังไปไปปรากฏตัวในภาพยนตร์หลาย ๆ เรื่อง ในฐานะนักแสดงกิตติมศักดิ์ โดยเฉพาะในปี 2553 มีผลงานการแสดงถึง 11 เรื่อง

      แม้ช่วงสิบปี ที่ผ่านมาวงการภาพยนตร์จะย่ำแย่ น้าค่อมก็ยังมีผลงานต่อเนื่อง มีโอกาสร่วมทีมกับบริษัทฮาไม่จำกัด และขบวนการโจ๊กเกอร์ ออกอากาศทางโทรทัศน์ รวมถึงมีช่องยูทูบที่ลูกสาวเปิดให้ น้าค่อมเคยฝากผลงานเสียงภาษาไทยไว้ในเกมที่ชื่อว่า HON, Captain Strike, Free Fire, Counter Strike Source ส่วนผลงานภาพยนตร์ช่วงท้าย ๆ คือ ไบค์แมน ภาค 1 ภาค 2 และ อีเรียมซิ่ง ในปีที่ผ่านมา

        ส่วนสาเหตุที่น้าค่อมมาไกลกว่าตลกรุ่นเดียวกัน ทั้ง ๆ ที่มาจากคนเล่นลิเกจน ๆ ผันตัวมาเป็นตลกเงินล้าน นั่นเป็นเพราะพรสวรรค์ในการเล่นตลก มีมุกที่ลื่นไหล ประกอบกับเป็นคนที่มีวินัยในการทำงาน ตรงต่อเวลา เป็นคนง่าย ๆ ไม่เรื่องเยอะ แม้จะไม่ได้เรียนสูง แต่เป็นตลกอาชีพที่รับงานแล้วจะต้องไม่ทำให้คนอื่นเสียหาย 

          “ผมเป็นคนง่ายๆ ไม่เรื่องมาก การรับงานจะดูว่าบทนั้นเราเล่นได้มั้ย ถ้าเล่นไม่ได้ก็จะไม่รับ เพราะถ้ารับแล้วเล่นไม่ได้มันจะเกิดความเสียหาย ที่ผ่านมาผมอาจจะไม่ใช่คนเก่งแต่เป็นคนหนึ่งที่ตรงต่อเวลา ทำตัวดี สิ่งนี้น่าจะเป็นตัวทำให้ผู้จัดหรือรายการจะชอบเรียกใช้งาน ถ้าคุณมีความเป็นมืออาชีพ งานก็จะไหลมาเทมาเอง”

         ความสุขของน้าค่อมก็ง่าย ๆ แค่มีคนเดินมาบอกว่า เล่นขำจังเลย แค่นั้นเขาก็มีความสุขแล้ว 

        "กว่าที่จะมีวันนี้ก็ยอมรับว่าชีวิตลำบากมาก ชีวิตตลกเต้นกินรำกินไม่ได้มีเงินเดือน ลำพังตัวเองเราไม่เท่าไร แต่เราอยากให้ครอบครัวสบาย ก็ต้องอดทน”

         ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต ที่เคยร่วมงานกับน้าค่อมในภาพยนตร์เรื่องคุณนายโฮ พูดถึงตลกรุ่นพี่ไว้ว่า

        "เขามีหัวใจของตลกจริง ๆ ที่ต้องการให้คนรอบข้างมีความสุขและสนุกตลอดเวลา เขาเป็นคนที่จังหวะดีมากทั้งในชีวิตจริงและในหนัง ที่น่าทึ่งมากคือ น้าค่อมอ่านหนังสือไม่ออก แต่จำบทเก่งมาก ไม่รู้ว่าแกจำได้ยังไง ถ้าเป็นเราคงต้องเห็นตัวหนังสือ แต่แกจำได้โดยไม่ต้องเห็นแล้ว พอผู้กำกับสั่งเพิ่มหรือลดบทอะไรแกก็จำได้เกือบทุกเม็ด เก่งมาก แกเล่นผ่านเกือบทุกฉาก"

   

  นอกจากนี้ชมพู ยังเคยพูดถึงน้าค่อมตอนที่แสดงหนังด้วยกันไว้ว่า

      “น้าค่อมก็อายุมากแล้ว ไม่รู้ว่าแกออกกำลังกายบ้างหรือเปล่า อยากให้สูบบุหรี่น้อยๆ แต่ก็ไม่กล้าเตือน เพราะเราไม่ใช่ลูกเมียเขา”

     นี่คือ น้าค่อม ตลกที่สร้างความสุขให้คนไทย และเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2564 เขาได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ

      ..................     ข้อมูล : ส่วนหนึ่งจากเพจเจาะเวลาหาอดีต 

(น้าค่อมติดเชื้อโควิดได้อย่างไร) น้าค่อม รู้ตัวเองว่าติดเชื้อโควิด-19 ในวันที่ 12 เมษายน 2564 หลังจากร่วมงานกับ บอล เชิญยิ้ม และ แจ๊ส ชวนชื่น ก็ได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล แต่สิ่งที่ครอบครัวเป็นห่วงมากก็คือ น้าค่อมมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว

15 เมษายน ไอซ์ ณพัชรินทร์ ลูกสาว ได้อัพเดทอาการว่าพบจุดที่ปอด 1 จุด ไม่แน่ใจว่า เป็นรอยปอดอักเสบเดิมหรือไม่

17 เมษายน ย้ายไป ICU เนื่องจากปอดเป็นฝ้าหนา

18 เมษายน มีอาการเหนื่อย หมอให้นอนคว่ำ เพื่อออกซิเจนจะได้เข้าไปไวมากขึ้น และมีการให้ออกซิเจน

19 เมษายน น้าค่อมพูดได้ช้า บอกว่าอยากออกจากห้องไอซียู ออกซินเจนต่ำ ฉีดยาละลายลิ่มเลือด ที่คาดว่าอุดตันไปเลี้ยงปอด ไม่มีไข้ ใช้ออกซิเจนช่วยหายใจ

22 เมษายน มีอาการไตวาย โควิดลงไปที่ปอด ทำให้ปอดอักเสบ และไตรับมือไม่ไหว ต้องให้นอนคว่ำ ให้ออกซิเจนไปฟื้นฟูร่างกายได้เต็มที่ แพทย์แจ้งว่า ปอด และ ไต เริ่มล้มเหลว ค่อนข้างอันตราย ทำได้แค่ประคองอาการ ฟอกไตวันละ 2-3 ครั้ง

29 เมษายน แพทย์รักษาเต็มที่ แต่อาการไม่ดีขึ้น อวัยวะหลายอย่างล้มเหลว ร่างกายไม่ตอบสนองต่อยาที่ให้ มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้น

30 เมษายน เวลา 07.30 น. น้าค่อมมีอาการโคม่า อวัยวะหลายอย่างล้มเหลว รวมถึงการทำงานของร่างกาย ชีพจรกับความดัน ไม่ตอบสนองต่อยา ลูกสาวน้าค่อมโพสต์เฟซบุ๊กว่า คุณพ่อหลับสบายแล้วนะคะรวมระยะเวลารักษา 19 วัน หลังติดเชื้อโควิด