เคเอ็นยู เสริมกำลังหวังยึดฐานฯ ด๊ากวิน เมียนมา

กองกำลังกะเหรี่ยง เคเอ็นยู เสริมกำลังไปสนับสนุนหน่วยทหารหวังยึดฐานด๊ากวินของเมียนมา ขณะที่สื่อมวลชนถูกสั่งห้ามเข้าพื้นที่บ้านแม่สามแลบเด็ดขาด

เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 64 แหล่งข่าวราษฎรบ้านแม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยู จำนวนกว่า 40 นาย พร้อมอาวุธครบมือ จากฐานที่มั่นฐานปอมือท่า ซึ่งอยู่ทางด้านทิศใต้ของบ้านแม่สามแลบ มุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ คาดว่ามีการนำกำลังไปสนับสนุนกองทหารของเคเอ็นยูที่กำลังปิดล้อม ฐานด๊ากวิน หรือ ฐานดาข่วย ของทหารเมียนมา ตรงข้ามบ้านท่าตาฝั่ง ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

สำหรับฐานด๊ากวิน หรือ ฐานดาข่วย ที่อยู่ตรงข้ามบ้านท่าตาฝั่งของไทย ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ สำคัญของกองกำลังกะเหรี่ยงเนื่องจากตั้งแต่ฐานแม่สะเกิบ บนสุดรอยต่อเขตระหว่างรัฐกะเหรี่ยงกับรัฐคะยา ลงมาจนถึงพื้นที่ตรงข้ามบ้านสบเมย อ.สบเมย ของไทย มีฐานด๊ากวินของทหารเมียนมา เพียงฐานเดียว ที่สามารถควบคุมเส้นทางการสัญจรในแม่น้ำสาละวิน ฉะนั้นทางทหารกะเหรี่ยง จึงพยายามทุ่มกำลังเพื่อยึดฐาน ดังกล่าวให้ได้

อย่างไรก็ตาม ทางด้านฝ่ายทหารเมียนมา ได้อาศัยความเหนือกว่า ด้วยการใช้อากาศยานมาช่วยเหลือในการสู้รบ โดยเฉพาะ การนำเฮลิคอปเตอร์ Mi-35P ติดปืนกลอากาศแบบแกตลิงกัน (Gatling Gun) แบบ 4 ลำกล้อง ที่ใช้กระสุน 12.7×108 mm ติดจรวดนำวิถี เข้ามาโจมตีทหารกะเหรี่ยง ที่วางกำลังรายล้อมทหารเมียนมา ในฐานด๊ากวิน นอกจากเฮลิคอปเตอร์ที่ที่ทันสมัยแล้วทหารเมียนมา ยังใช้เครื่องบินขับไล่ แบบ JF – 17 บินมาทิ้งระเบิดทำลายขนาด 500 ปอนด์ จำนวน 2 ลูกต่อทหารกะเหรี่ยง แต่ยังไม่สามารถขับไล่ทหารกะเหรี่ยงออกจากพื้นที่ได้แต่อย่างไร

ด้านเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองต่างพากันวิเคราะห์ว่า ทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยู ต้องทุ่มกำลังเพื่อยึดฐานที่มั่น ฐานด๊ากวินของเมียนมาให้ได้ โดยมีข่าวว่า ทางฝ่ายทหารกะเหรี่ยงได้มีการนำอาวุธต่อสู้อากาศยานชนิดใหม่ ที่ผลิตในประเทศอเมริกา มาใช้เพื่อต่อต้านอากาศยานของฝ่ายเมียนมา ตรงในคืนนี้ด้วย

ในส่วนของการควบคุมพื้นที่บ้านแม่สามแลบ ของด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ที่บ้านห้วยกองก๊าด พบว่าได้มีการห้ามสื่อมวลชนทั้งต่างประเทศและไทย เข้าไปในพื้นที่บ้านแม่สามแลบอย่างเด็ดขาด โดยอ้างด้านความปลอดภัยของผู้สื่อข่าว และความมั่นคง ทำให้มีผู้สื่อข่าวจากหลายสำนัก ไม่สามารถลงพื้นที่บ้านแม่สามแลบได้ ทั้งที่จุดดังกล่าว ไม่มีการสู้รบของทหารเมียนมากับทหารกะเหรี่ยงแล้ว