‘เงินดิจิทัล’ ควรลงทุนหรือไม่?

เปิดเหตุผลทำไมคนทั่วโลกถึงให้ความสนใจ "เงินดิจิทัล" หรือคริปโตเคอเรนซี และก่อนที่นักลงทุนจะลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลควรพิจารณาปัจจัยอะไรบ้าง? สรุปแล้วเงินดิจิทัลน่าลงทุนหรือไม่? และสามารถซื้อขายได้ที่ไหน?

คริปโตเคอเรนซี (Cryptocurrency) คือสกุลเงินเข้ารหัสหรือสินทรัพย์ดิจิทัล ที่รับการออกแบบมาเพื่อเป็นสื่อกลางของการแลกเปลี่ยน โดยใช้วิทยาการเข้ารหัสหรือรหัสลับ การป้องกันและยืนยันธุรกรรม โดยพื้นฐานแล้วคริปโตเคอเรนซีถูกสร้างไว้บนเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) หรือบางทีก็ถูกเรียกว่าระบบบันทึกรายการธุรกรรมดิจิทัลบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Distributed Ledger Technology หรือ DLT) ทำให้ธุรกรรมของสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถเกิดขึ้นได้อย่างโปร่งใสและไม่ต้องอาศัยตัวกลาง ด้วยการใช้เครือข่ายแบบกระจายศูนย์ที่ปลอดภัยจากปัญหาการเก็บข้อมูลไว้ที่เดียว 

ทำให้ข้อมูลธุรกรรมมีความปลอดภัยสูงจากการแก้ไขหรือปลอมแปลงข้อมูล ปลอดภัยจากการสูญหายข้อมูลเมื่อระบบมีปัญหา และที่สำคัญคือไม่มีคนใดคนหนึ่งเป็นเจ้าของหรือมีอำนาจเบ็ดเสร็จเพียงคนเดียว

  • เหตุใดคนทั่วโลกถึงให้ความสนใจ

ในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ราคาคริปโตเคอเรนซีถีบตัวขึ้นอย่างมาก เหตุผลหนึ่งอาจจะเกิดขึ้นจากที่คนเริ่มไม่ค่อยเชื่อถือในเงินสกุลท้องถิ่น และไม่มั่นใจในเสถียรภาพระบบการเงินในประเทศ โดยเฉพาะจากผลกระทบของวิกฤติเศรษฐกิจ นักลงทุนจากทั่วทุกมุมโลกต่างก็กระโดดเข้ามาลงทุนในตลาดคริปโตเคอเรนซี ทำให้ราคาของบิทคอยน์พุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 63,000 ดอลลาร์ หรือเกือบ 2 ล้านบาทในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา

แต่เนื่องจากคริปโตเคอเรนซีเป็นสินทรัพย์ที่ไม่สามารถจับต้อง ต่างจากทองคำหรืออสังหาริมทรัพย์ ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่าสรุปแล้วสกุลเงินดิจิทัลควรนับเป็นสินทรัพย์ที่เหมาะกับการสะสมสินทรัพย์หรือไม่

  • คริปโตฯ ถือว่าเป็นสินทรัพย์หรือไม่

ภายใต้ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561 ถือว่าเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทหนึ่ง ซึ่งออกแบบให้เป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยน มีราคากลางในการซื้อขายแปรผันตามกลไกตลาด จึงมีหลายคนนำคริปโตเคอเรนซีเปรียบเทียบสกุลเงินตราต่างๆ เช่น ดอลลาร์สหรัฐ เงินบาท ฯลฯ ซึ่งจะมีการหนุนหลังด้วยสินทรัพย์ที่มีค่า ซึ่งในอดีตอาจใช้ทองคำหรือปัจจุบันใช้เครดิตของประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม คริปโตเคอเรนซียังไม่สามารถทำหน้าที่ของเงินได้ครบทุกคุณสมบัติ 

ธนาคารกลางส่วนใหญ่ยังไม่รับรองว่าบรรดาคริปโตเคอเรนซีที่เอกชนสร้างขึ้นมาสามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย นอกจากนี้มูลค่าของคริปโตเคอเรนซีขึ้นอยู่กับเน็ตเวิร์กหรือจำนวนของคนใช้ เช่นเดียวกับเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ อีกความหมายหนึ่งคือมูลค่าของคริปโตเคอเรนซีถูกหนุนด้วยสิ่งที่จับต้องไม่ได้และมีความผันผวนที่สูงมาก

  • สกุลเงินดิจิทัลหมายถึงแค่บิทคอยน์เท่านั้นหรือ

บ่อยครั้งที่บิทคอยน์ (BTC) ถูกใช้เป็นชื่อเรียกแทนสกุลเงินดิจิทัล แต่แท้จริงแล้วปัจจุบันมีสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 8,800 สกุล อาทิเช่น Ethereum (ETH), Binance Coin (BNB), Tether (USDT) และ Ripple (XRP) แต่ละสกุลเงินดิจิทัลก็มีกลไกที่ต่างกันออกไป ตัวอย่างเช่น Ethereum พัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) จึงมีรูปแบบการใช้งานที่หลากหลายและกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเสนอขายเหรียญเริ่มต้น หรือที่ถูกเรียกกันว่า Initial Coin Offering (ICO) 

ในขณะที่ Binance Coin คือโทเคนดิจิทัลเพื่อการรับประโยชน์ที่ออกโดย Binance เว็บเทรด ตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ไว้สำหรับใช้ประโยชน์เพื่อการรับส่วนลดและการลดค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย Tether (USDT) เป็นคริปโตเคอเรนซีประเภทสเตเบิลคอยน์ ซึ่งผูกกับสินทรัพย์ที่มีความคงที่ หรือในขณะนี้คือผูกไว้กับดอลลาร์สหรัฐ

  • นักลงทุนควรคำนึงถึงปัจจัยใดบ้าง

เนื่องจากตลาดคริปโตเคอเรนซีมีความผันผวนเป็นอย่างมาก ตัวอย่างเช่น ในหนึ่งวันราคาบิทคอยน์เคยพุ่งสูงขึ้น 65% ในขณะที่ราคาน้ำมันผันผวนน้อยกว่า 10% โดยเฉลี่ย นักลงทุนควรพยายามกระจายความเสี่ยงโดยอย่าลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล หรือบิทคอยน์เพียงอย่างเดียว ควรลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่าง และหากจะลงทุนสกุลเงินดิจิทัลก็ควรลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลประเภทต่างๆ ในเวลาเดียวกัน 

ในงานผลวิจัยล่าสุดของ Phiromswad et al. (2021) ได้ศึกษาพฤติกรรมของราคาและผลตอบแทนสกุลเงินดิจิทัลประเภทต่างๆ พบว่า สกุลเงินดิจิทัลมีการปรับตัวแบบฉับพลัน หรือ Jumps ในความถี่และขนาดที่สูงกว่าหุ้นอยู่หลายเท่าตัว นอกจากนี้ สกุลเงินดิจิทัลขนาดกลางและขนาดเล็กมีการปรับตัวแบบฉับพลัน หรือ Jumps ในความถี่และขนาดที่มากกว่าสกุลเงินดิจิทัลขนาดใหญ่อีกหลายเท่าตัว แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสกุลเงินดิจิทัลมีการปรับตัวที่ไม่ปกติ และ มีความเสี่ยงที่อาจจะมากเกินกว่าที่นักลงทุนหลายคนตระหนัก 

อย่างไรก็ตาม หากนักลงทุนจัดสรรสัดส่วนการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลอย่างเหมาะสม และไม่กระจุกตัวเกินไปก็สามารถกระจายความเสี่ยงของลงทุนได้ นอกจากนี้การลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลถือเป็นการเรียนรู้แบบลงสนามจริงแบบหนึ่ง เพราะสินทรัพย์ดิจิทัลจะอยู่กับเราไปอีกนาน

  • จะซื้อขายได้ที่ไหน

นักลงทุนไทยสามารถซื้อขายคริปโตเคอเรนซีผ่านโบรกเกอร์ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลขององค์กรการเงินระหว่างประเทศ ตัวอย่างเช่น Bitkub, Satang Pro และ Upbit เนื่องจากคริปโตเคอเรนซีเป็นนวัตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่ที่มีความผันผวนสูง การลงทุนจึงต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจและความสามารถรับความเสี่ยงจากการได้รับผลขาดทุนจากการลงทุนได้ นอกจากนี้คริปโตเคอเรนซีอาจเป็นช่องทางหนึ่งในการทำ “illicit financing” หรือช่องทางการเงินที่ผิดกฎหมาย เนื่องจากเป็นระบบที่ยากต่อการสืบค้นหาเจ้าของตัวจริงของแต่ละบัญชี ปัจจุบันทาง ก.ล.ต.จึงมีแนวคิดที่จะยกระดับการกำกับดูแลการซื้อขายคริปโตเคอเรนซีโดยกำหนดคุณสมบัติผู้ลงทุน

  • สรุปแล้วน่าลงทุนหรือไม่

ตลาดคริปโตเคอเรนซีเป็นอีกทางเลือกหนึ่งแต่ต้องลงทุนอย่างระมัดระวัง ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนการลงทุนเสมอ และควรตระหนักถึงความเสี่ยงและความไม่แน่นอนของการลงทุนด้วย แน่นอนว่าทุกการลงทุนมีความเสี่ยง แต่การลงทุนในตลาดคริปโตเคอเรนซีอาจจะมีมากกว่าความเสี่ยง เพราะเป็นรูปแบบการลงทุนที่แม้แต่นักวิชาการหรือนักลงทุนมืออาชีพยังไม่เข้าใจถึงพฤติกรรมของมันอย่างแท้จริง จึงยังมีความไม่รู้ หรือความไม่แน่นอนอยู่ด้วย 

อย่างเช่นถ้าเราโยนเหรียญแล้วทาย เราพอทราบว่ามีโอกาสที่จะออกหัวหรือออกก้อยก็จะอยู่ที่ 50% แต่ถ้าเป็นการลงทุนในตลาดคริปโตเคอเรนซี ถ้าเทียบเหมือนการทายเหรียญ ก็เสมือนว่าไม่รู้เลยว่าโอกาสที่เหรียญจะออกหัวหรือออกก้อยเป็นกี่เปอร์เซนต์