เปิดผลสำรวจ! ซีอีโอจี้ ‘ปรับครม.’ รับมือวิกฤติ 79%หนุนเปลี่ยน ‘อนุทิน’

เปิดผลสำรวจ! ซีอีโอจี้ ‘ปรับครม.’ รับมือวิกฤติ  79%หนุนเปลี่ยน ‘อนุทิน’

ซีอีโอ 79% หนุน “ปรับครม.” ชี้ “อนุทิน” ควรเปลี่ยนเร็วที่สุด โยนข้อเสนอเร่งฉีดวัคซีน ผ่อนปรนกฎทำธุรกิจ ลดดอก ยืดหนี้ ปล่อยกู้ 

“ฉีดวัคซีนให้เร็ว และให้มากที่สุด 

เมื่อถามว่า นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการแก้ปัญหาที่เข้าขั้นวิกฤติสูงสุด คือ อะไร ซีอีโอมากกว่า 86.9% ต้องการให้เร่งฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุด รองลงมา 54.5% เร่งระดมภาคเอกชน โรงพยาบาลและทุกภาคส่วนร่วมสนับสนุน เตียง สถานที่รักษา รองรับผู้ป่วย ซีอีโอมากกว่า 43% อยากให้มีบทลงโทษทางกฎหมายกับผู้ฝ่าฝืนมาตรการสาธารณสุขเข้มงวด และ 42.9% ต้องการให้ใช้ระบบเทเลเมดิซีนเต็มรูปแบบรองรับผู้ป่วยที่ต้องคำแนะนำ

นอกจากนี้ ซีอีโอ 36% ยังต้องการให้รัฐบาลให้อำนาจจังหวัดล็อกดาวน์ในจังหวัดของตัวเอง ขณะที่ 33.8% บอกว่าควรเพิ่มบุคลากร อาสาสมัคร ที่มีความรู้ให้คำแนะนำการ วิธีการปฏิบัติตัวเมื่อติดเชื้อ ผ่านสายด่วน หรือแอพพลิเคชัน และมีซีอีโอราว 27.3% เห็นว่าควรใช้มาตรการล็อกดาวน์บางจังหวัด รวมถึงอาจต้องล็อกดาวน์ทั้งประเทศ 

ความเห็นเพิ่มเติมในส่วนนี้ ซีอีโอ ระบุว่า รัฐอาจจำเป็นต้องปิดสถานบริการไม่มีกำหนดเพื่อควบคุมระบาดและสกัดไม่ให้เกิดคลัสเตอร์เพิ่ม รวมทั้งเข้มงวดการลักลอบเข้าประเทศที่เชื่อว่ามีคนไทยอำนวยความสะดวก เพราะอาจเป็นช่องโหว่นำโควิดสายพันธุุ์ใหม่เข้ามา ทั้งต้องบังคับใช้กฏหมายลงโทษกลุ่มบุคคลที่เป็นต้นเหตุของการแพร่เชื้อเข้มงวด 

ส่วนมุมผู้ป่วยติดเชื้อมีคำแนะนำว่า หากอาการไม่รุนแรงควรพิจารณาให้กักตัวที่บ้าน เพื่อเพิ่มจำนวนเตียงให้ผู้ป่วยรุนแรง ที่สำคัญรัฐควรเปิดกว้างให้เอกชนเข้ามาช่วยเต็มที่

ทีมเศรษฐกิจ-สาธารณสุข “สอบตก” 

อย่างไรก็ตาม การสำรวจครั้งนี้ “กรุงเทพธุรกิจ” เปิดให้ซีอีโอให้คะแนนความพึงพอใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีเศรษฐกิจ รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในการแก้วิกฤติครั้งนี้ โดยซีอีโอส่วนใหญ่ประเมินให้ “สอบตก” ซึ่งซีอีโอที่ตอบในสัดส่วนมากที่สุดให้คะแนนเพียงแค่ 1 คะแนน จากเต็ม 10 

ซีอีโอ 24.9% ให้คะแนนความพึงพอใจต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ในการแก้วิกฤติ จากคะแนนเต็ม 10 ให้เพียง 1 คะแนน รองลงมา 14.7% ให้ 5 คะแนน 14.2% ให้ 3 คะแนน และ 10.6% ให้ 6 คะแนน มีซีอีโอเพียง 2.5% เท่านั้นที่ให้คะแนน พล.อ.ประยุทธ์เต็ม 10 คะแนน 

ด้านความพึงพอใจต่อ “นายอนุทิน ชาญวีรกุล” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซีอีโอ 40% (39.9%) ให้ 1 คะแนน รองลงมา 15.7% ให้ 3 คะแนน 11.6% ให้ 2 คะแนน มีซีอีโอเพียง 1.5% เท่านั้นที่ให้คะแนนเต็ม 10  

ส่วน  “นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ซึ่งรับผิดชอบงานนโยบายเศรษฐกิจ ซีอีโอ 23.4% ให้ 1 คะแนน รองลงมา 14.7% ให้ 5 คะแนน และ 13.7% ให้ 3 คะแนน มีซีอีโอเพียง 2.5% เท่านั้นที่ให้คะแนนเต็ม 10 

เช่นเดียวกับ “นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งรับผิดชอบนโยบายการเงินการคลังของประเทศ ซีอีโอ 19.5% ให้ 1 คะแนน รองลงมา 14.9% ให้ 5 คะแนน มีเพียง 1.5% เท่านั้นที่ให้คะแนนเต็ม 10

จี้รัฐหนุนเอกชนร่วม “วัคซีน”

นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอเพิ่มเติมของ “ทางออก” วิกฤติครั้งนี้ ซึ่งซีอีโอส่วนใหญ่ย้ำการ “เร่งฉีดวัคซีน” ให้เร็ว เพราะเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นตอ รวมถึงเรียกร้องให้เปลี่ยนทีมผู้บริหารจัดการด้านสาธารณสุขของประเทศ ตั้งทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดูแลโควิดโดยเฉพาะและให้อำนาจตรง ทั้งควรพิจารณาให้ประชาชนได้รับการตรวจโควิดฟรี

ซีอีโอให้ความเห็นการบริหารจัดการวัคซีนอย่างกว้างขวาง บางความเห็น ระบุว่า หากรัฐต้องการใช้วัคซีนเพียงแค่ 2 ยี่ห้อ ด้วยเหตุผลทางการเมือง ควรเปิดให้เอกชนจัดการวัคซีนที่มีคุณภาพยี่ห้ออื่นภายใต้การควบคุมของโรงพยาบาล ไม่ใช่มาปิดกั้น

หรือรัฐบาลควรนำเข้าวัคซีน​หลายยี่ห้อเพื่อจำหน่ายราคาต้นทุน ให้เป็นทางเลือกประชาชน​ได้เข้าถึง​​​เสรี จัดทำแผนบริหารจัดการวัคซีนเป็นระบบ ตั้งแต่จัดหา กระจายและกำหนดความร่วมมือรัฐและเอกชนในรายละเอียด

“รัฐบาลควรถอยออกไป ให้เอกชนนำเข้าวัคซีน และให้โรงพยาบาล รวมถึงเอกชนได้บริหารจัดการกันเองตามที่เคยเป็น เพราะมีประสิทธิภาพมากกว่าที่รัฐจะแทรกแซง ที่สำคัญเลิกหาผลประโยชน์จากวัคซีน และอุปกรณ์ทางการแพทย์ การคอร์รัปชั่นจะซ้ำเติมสถานการณ์อย่างมาก” หนึ่งในความเห็นของซีอีโอ 

ดึงผู้เชี่ยวชาญสาธารณสุขร่วมงาน

ขณะเดียวกัน มีเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งหาผู้มีความรู้ ซื่อสัตย์และกล้าตัดสินใจมาทำงานแก้ปัญหาโควิด รวมถึงรัฐบาลควรเปิดทางให้มีรัฐบาลใหม่มาบริหารประเทศแทน หรือพิจารณาคืนอำนาจให้กับประชาชน

“นายกฯ ควรใช้อำนาจในการบริหารงาน และเลือกคนดีมาทำงาน หยุดการเอื้อพวกพ้อง หมดเวลารักพี่รักน้อง ปัญหาบ้านเมืองสำคัญที่สุด” ความเห็นบางส่วนจากซีอีโอ 

นอกจากนี้ รัฐบาลควรเร่งผ่าตัดหน่วยงานราชการที่ปล่อยให้เปิดผับ บาร์ นอกเวลามาหลายปีที่มีทุจริตคอร์รัปชันกันเกือบทุกหน่วยงาน ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นเหตุการระบาดวงกว้าง 

ซีอีโอ บางรายให้ความเห็นว่า หากรัฐบาลต้องการบริหารต่อ ต้องเปิดกว้างระดมเอกชนทุกภาคส่วนมาช่วยเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลไม่มีประสิทธิภาพดำเนินการ ไม่ใช่มุ่งเน้นเอกชนรายใหญ่ แต่ต้องให้เอกชนทุกส่วนมาช่วยอย่างเป็นระบบและรวดเร็ว 

ส่วนมาตรการช่วยธุรกิจ รัฐควรชัดเจนเพื่อให้ธุรกิจเตรียมตัวล่วงหน้า ไม่ควรประกาศที่หลัง ควรให้ธุรกิจมีเวลาเตรียมแผนให้สอดคล้องกัน ขณะที่รัฐบาลอาจนำเงินเยียวยาไปช่วยเหลือกลุ่มฐานรากที่ไม่ใช้วิธีการแจกเงิน แต่เร่งส่งเสริมเชิงโครงสร้างระบบเศรษฐกิจให้ผู้ประกอบการคล่องตัว

‘หมอไม่ทน’2แสนชื่อไล่อนุทิน

อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวกรณี “หมอไม่ทน” ผุดแคมเปญ ล่ารายชื่อไล่ “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้ “ลาออก” เพื่อให้ผู้มีความสามารถ มีความเหมาะสมมากกว่าเข้ารับตำแหน่ง หลังจากเห็นว่าไม่มีความสามารถมากพอในการควบคุมดูแลการแพร่ระบาดของ โควิด-19

โดยเย็นวานนี้ (27 เม.ย.) เมื่อเวลา 18.30 น. ยอดผู้ลงชื่อร่วมสนับสนุนการ “ไล่อนุทิน” ผ่านเว็บไซต์ change.org ในครั้งนี้รวมทะลุ 20ึ7,000 รายชื่อแล้ว