ทางรอด 'โควิด' ทางรอดรัฐบาล กระจายวัคซีน กระจายข้อมูล

ทางรอด 'โควิด' ทางรอดรัฐบาล กระจายวัคซีน กระจายข้อมูล

'กอร์ปศักดิ์' หนุนรัฐปรับแผนระบบสื่อสารใหม่ เปิดเว็ปไซต์แจงยอดฉีดวัคซีนให้ชัด จี้นายกฯ กล้าตัดสินใจประกาศล็อกดาวน์

กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตประธานคณะทำงานยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์ มองถึงจุดอ่อนในการแก้สถานการณ์ของรัฐบาลและสิ่งที่ต้องเร่งปรับปรุงเวลานี้ว่า "ปัญหาอยู่ที่การสื่อสาร เรื่องข้อมูลในการสร้างความมั่นใจ"

สิ่งที่รัฐบาลขาดอยู่ในการสื่อสารว่ารัฐบาลมีความสามารถในการแก้ไขปัญหาอย่างไร หรือการตัดสินใจว่าจะล็อกดาวน์จะเป็นอย่างไร เพราะในการป้องกันโรคระบาดนั้นเจ้าหน้าที่ทำได้ดีพอสมควร เพียงแต่มาตรการที่เป็นนโยบายสำคัญว่าเราจะล็อกดาวน์มากน้อยแค่ไหนก็อยู่ในมือของผู้นำรัฐบาลซึ่งต้องกล้าตัดสินใจ วันนี้ไม่สายเกินไปที่บอกว่าต้องเข้ม เพราะหากย้อนไปในสถานการณ์รอบแรกเราเข้มงวดมากทั้งที่เรายังไม่มีผู้ป่วยจำนวนมากเหมือนในครั้งนี้ แต่ในครั้งนี้กลับไม่เข้มงวดมากเพราะกลัวจะถูกต่อว่าอดีตรองนายกฯ ระบุ

เรื่องสำคัญอย่างวัคซีน กอร์ปศักดิ์ ชี้ว่าไม่ค่อยมีรายละเอียดให้ประชาชนรับรู้ในวงกว้าง ในฐานะที่ผมอยู่ในการเมือง และตามเรื่องการไขปัญหา ยอมรับว่าไม่ค่อยทราบรายละเอียด อาทิ การฉีดวัคซีนขณะนี้ดำเนินการฉีดไปแล้วอย่างไร เหลือวัคซีนอยู่เท่าไหร่ หรือมีผู้ที่ต้องฉีดครั้งที่ 2 อีกจำนวนเท่าไหร่ รัฐบาลไม่ได้ชี้แจงให้เห็นชัดเจนยังเป็นภาพที่ดูเบลอๆ หรือเว็ปไซต์ที่แสดงผลติดตามชัดเจนแบบในต่างประเทศ อย่างสหรัฐฯ มีเว็ปไซต์แสดงรายละเอียดไปทุกรัฐทุกเขตพื้นที่อย่างชัดเจน สามารถติดตามได้ว่าตรงไหนเป็นอย่างไร แต่ตรงนี้เราไม่มี ซึ่งผมก็ไม่ได้หวังว่าเราจะทำได้ถึงขนาดนั้น เพียงแต่การมีช่องทางแบบนี้จะเป็นประโยชน์ในเรื่องข้อมูลในการสร้างความมั่นใจ"

ประเด็นสำคัญคือความชัดเจนเรื่องแผนจากรัฐบาล ที่อดีตรองนายกฯ ระบุว่าอย่างที่ท่านนายกฯ ออกมาแถลงให้ความมั่นใจว่ามีวัคซีนร้อยล้านโดสภายในสิ้นปี 2564 แต่ขณะนี้อยู่ในเดือน เม..ต่อไปถึงเดือน ..จะมีอะไรเกิดขึ้น หากเราไม่กล้าบอกว่าแต่ละเดือนมีวัคซีนเหลือจำนวนเท่าไหร่ จึงเป็นสิ่งที่อยากได้ยินจากรัฐบาลว่ามีแผนฉีดวัคซีนอย่างไร เพราะการฉีดวัคซีนในสหรัฐฯ ขณะนี้ไปถึงขั้นไปดูแลในกลุ่มคนที่ไม่อยากฉีดแล้ว โดยไปดักฉีดในช่วงที่คนเหล่านี้มาฉีดวัคซีนประจำปีหรือไปหาหมอ ก็แถมการฉีดวัคซีนโควิดไปด้วย

เท่าที่ติดตามข่าวเมื่อช่วงเดือน ..ที่ผ่านมามีตัวยาชื่อว่า Monoclonal antibody ที่ อย.สหรัฐฯ ให้ความเห็นชอบไปแล้วว่ายาตัวนี้ใช้ป้องกันคนติดโควิดได้ ในกลุ่มที่ติดโควิดไม่มาก และพยายามหาข่าวรวมถึงเช็คไปตามโรงพยาบาลเอกชนแต่ก็ไม่มีใครรู้จัก ตรงนี้เราต้องมีอะไรบางอย่างที่ยอมรับว่า .สหรัฐฯ น่าจะพอเชื่อถือได้ ถึงยาจะแพง แต่ชีวิตคนก็แพง ในมุมเศรษฐกิจรัฐได้ทุ่มเทเงินเพื่อคนๆนั้นมากมายมหาศาล ผมคิดว่าเลิกพูดเรื่องเงินว่าไม่พอ วัคซีนจะแพงก็ต้องซื้อ เลิกพูดว่าจะประหยัดงบประมาณ อะไรที่เงินผ่านมือมีช่องโหว่ชอบทำ แต่ซื้อวัคซีนเงินผ่านมือยาก ก็ไม่มีใครอยากซื้อ

"ขณะที่วิธีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดของสหรัฐฯ นั้นในแต่ละรัฐสามารถฉีดวัคซีนได้สูงสุดวันละ 4 ล้านโดส ซึ่งเภสัชกรร้านขายยาสามารถฉีดได้ แต่การลงทะเบียนของประเทศไทยอาจไม่ใช่คำตอบ ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลควรทำ ต้องเตรียมพร้อมฉีดวัคซีนไปทุกอำเภอและทุกตำบล โดยแต่ละศูนย์ดูแลสุขภาพที่ใกล้บ้านเพื่อให้ประชาชนที่อายุเกิน 60 ปีขึ้นไปสามารถเข้าไปฉีดวัคซีนได้เลย หากวัคซีนมาถึงแล้ว เพื่อจะได้เห็นว่าในแต่ละพื้นที่มีประชาชนอายุเกิน 60 ปีขึ้นไปมาลงชื่อจำนวนเท่าใด แต่เข้าใจว่าวิธีนี้รัฐบาลยังไม่ได้ทำ"

ในด้านเศรษฐกิจ กอร์ปศักดิ์ มองว่าการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลในโครงการเงินกู้กรอบวงเงิน 4 แสนล้านบาท ที่นำมาใช้สำหรับฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากผลกระทบจากโควิดนั้น ก็เชื่อว่ายังไม่มีใครทราบว่าเป็นอย่างไร และไม่มีทิศทางชัดเจน มีแต่รู้ว่าแจกเงิน เพราะแนวคิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาว ต้องเป็นนโยบายเฉพาะที่ต้องมาจากข้างบนสู่ด้านล่าง หมายความว่าถ้าต้องใช้เงิน 4 แสนล้าน ต้องสั่งจากข้างบนลงมาว่า จะใช้แบบไหนใช้อย่างไร และใช้เท่าไหร่ ไม่ใช่บอกว่าใครอยากได้อะไรให้ขอมา แต่โครงการคนละครึ่งถือว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้อง เพราะสามารถซื้อได้จากเจ้าของกิจการที่เป็นบุคคลเท่านั้น ถ้าจะทำต่อก็ทำต่อไปได้แต่ไม่ช่วยให้เศรษฐกิจดีขึ้น เพราะช่วยลดค่าใช้จ่ายให้คนทั่วไปเท่านั้น แต่ปัญหาขณะนี้ไปไกลกว่านั้นแล้ว

อันตรายที่อดีตรองนายกฯ ขอเตือนทั้งหมดไม่มีทางแก้ได้ถ้าเราหยุดโควิดไม่ได้ ต้องใช้เรื่องวัคซีนอย่างเดียว ก็เป็นเรื่องที่วนไปวนมา แล้วมาดราม่าว่าวัคซีนตัวไหนดีไม่ดี แต่ถึงวันนี้ฉีดกันไปเป็นร้อยล้านคน ดังนั้นการฉีดวัคซีนดีกว่าไม่ฉีดนายกอร์ปศักดิ

ต่อข้อถามถึงสิ่งรัฐควรวางโรดแมพแก้ปัญหา กอร์ปศักดิ์ ระบุว่า "ในระยะสั้นต้องให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทำงานอย่างเต็มที่ ส่วนรัฐบาลต้องตัดสินใจวันนี้ว่าจะล็อกดาวน์มากน้อยแค่ไหน ส่วนตัวเสนอว่าต้องเข้ม ถ้าปล่อยต่อไปคงไม่ได้แล้ว รวมถึงต้องหาทางนำยา Monoclonal antibody ของสหรัฐฯ มาให้ได้ โดยเฉพาะการเตรียมตัวฉีดวัคซีนทุกตำบล ขอให้ทำรายชื่อประชาชนอายุเกิน 60 ปี เพื่อเตรียมรอการฉีดวัคซีน"

ขณะที่ท่าทีของนายกฯหลังจากนี้ ควรจะบอกให้หมดว่ารัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่ อย่าบอกเฉพาะนโยบายอย่างเดียว ถ้านายกฯ ไม่บอกในรายละเอียด ก็ต้องมีผู้ที่สามารถอธิบายรายละเอียดได้ หรือมีเว็ปไซต์ให้ติดตามว่า ขณะนี้การฉีดวัคซีนเป็นอย่างไร จะบอกเพียงว่าอีก 7 เดือนได้วัคซีนร้อยล้านโดสเป็นสิ่งที่นานเกินไป เพราะคนอยากรู้ว่า เดือนนี้ได้กี่ล้านโดส ทุกอย่างต้องมีในเว็ปไซต์ให้ชัดเจนเพื่อให้คนเข้าไปดูได้กอร์ปศักดิ์ ทิ้งท้ายด้วยข้อเสนอไปยังผู้นำรัฐบาล