พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ค้านกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ทุจริตถุงมือยางแสนล้าน

พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ค้านกรรมการสอบวินัยร้ายแรง  ทุจริตถุงมือยางแสนล้าน

พ.ต.อ.รุ่งโรจน์” ไม่ยอมรับกก.สอบวินัยร้ายแรงปมทุจริตถุงมือยาง อ้างไม่ชอบด้วยกฎมาย ด้านผอ.อคส.ยัน มีสิทธิถูกต้องตามข้อบังคับอคส. เตรียมส่งให้บอร์ดอคส.พิจารณา 27 เม.ย.นี้ เชื่อไม่ทำให้การสอบวินัยร้ายแรงสะดุด คาดรู้ผลไล่ออกหรือไม่เร็วๆ นี้

นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสอบวินัยร้ายแรงพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาการผู้อำนวยการอคส. และเจ้าหน้าที่อคส. ระดับนักบริหาร 8 อีก 2 ราย เพราะร่วมกันจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาท โดยมิชอบด้วยกฎหมาย และระเบียบ ข้อบังคับของอคส.ว่า หลังจากตนมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงบุคคลทั้ง 3 ไปแล้วตั้งแต่ปลายเดือนมี.ค.64 โดยมีนายพิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานนั้น เมื่อเร็วๆ นี้ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ได้ทำหนังสือคัดค้านการแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าว โดยอ้างว่า เป็นคณะกรรมการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะตนไม่มีอำนาจในการแต่งตั้ง ซึ่งยืนยัน ตนมีอำนาจแต่งตั้งตามระเบียบอคส.ว่าด้วยการดำเนินการทางวิยันพ.ศ.2561

อย่างไรก็ตามการคัดค้านดังกล่าว อคส. จะนำเสนอให้คณะกรรมการ (บอร์ด) อคส. พิจารณาในการประชุมบอร์ดวันที่ 27 เม.ย.นี้ แต่เชื่อว่า การคัดค้านครั้งนี้ จะไม่มีผลทำให้ การพิจารณาของคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ต้องล่าช้าออกไป จากกำหนดเดิมที่ต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับจากที่คณะกรรมการฯได้รับหนังสือแต่งตั้ง ซึ่งจะครบกำหนดเร็วๆ นี้ สำหรับโทษทางวินัยร้ายแรง คือ การให้ออก หรือไล่ออก ส่วนคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางละเมิด อยู่ระหว่างการพิจารณาความเสียหายที่เกิดขึ้นกับอคส.จากการจัดซื้อครั้งนี้และทั้ง 3 รายจะต้องชดใช้ความเสียหายทั้งหมด พร้อมดอกเบี้ยให้กับอคส. โดยกำหนดต้องพิจารณาให้เสร็จใน 60 วัน

อคส.จะดำเนินการเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อถุงมือยางในครั้งนี้ให้ถึงที่สุด ทั้งคดีอาญา คดีแพ่ง และเอาผิดทางวินัย ตามข้อสั่งการของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ โดยในส่วนของคดีอาญา ต้องรอให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวนข้อเท็จจริงให้เสร็จแล้วจึงจะชี้มูลความผิด หลังจากนั้นจะส่งให้อัยการส่งฟ้องดำเนินคดีอาญา”

สำหรับสาเหตุที่พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ อ้างว่าคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงชุดของนายพิทักษ์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ได้ถูกนายกรัฐมนตรีสั่งให้ย้ายไปสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว จึงถือว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของอคส. และผู้อำนวยการ ไม่มีอำนาจตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง แต่ในคำสั่งของนายกรัฐมนตรี ระบุว่า การย้ายพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ดังกล่าว ยังไม่ขาดจากอัตราเงินเดือน ค่าจ้าง เงินอื่น และสิทธิประโยชน์เดิมที่ได้รับอยู่ จึงถือว่า ขณะนี้ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ยังเป็นพนักงานของอคส.อยู่ซึ่งอคส.ได้ทำหนังสือยืนยันไปให้กับสำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว จากที่ก่อนหน้านี้ สำนักนายกรัฐมนตรี มีหนังสือสอบถามมา

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา คณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ได้เรียกบุคคลทั้ง 3 รายมาให้ปากคำอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ไม่ได้มาให้ปากคำ แต่ได้ทำหนังสือชี้แจงว่า จะให้ข้อมูลกับคณะกรรมการสอบวินัยที่ชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงชุดของนายพิทักษ์ พิจารณาโทษทางวินัยร้ายแรงสูงสุดคือ ไล่ออก คาดว่า ทั้ง 3 รายน่าจะทำหนังสืออุทธรณ์ต่อไป