GULF เปิดตลาดพุ่ง 7.75% เทนเดอร์หุ้น INTUCH บวกระยะยาว

ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดตลาดเช้านี้ (20 เม.ย.) เพิ่มขึ้น 7.75% หรือ 2.50 บาท อยู่ที่ 34.75 บาทต่อหุ้น (10.05 น.) 

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า จากกรณีที่ GULF ประกาศทำคำเสนอซื้อหุ้น บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) วานนี้ (19 เม.ย.) ซึ่งผลกระทบที่คาดตามมาในส่วน GULF คือ ฐานะการเงิน GULF ที่เชื่อว่าจะมีความตึงตัวมากขึ้น เนื่องจากหากต้องซื้อหุ้น INTUCH ส่วนที่เหลือทั้งหมดที่เหลือ 81.07% จากที่ถืออยู่ในปัจจุบันที่ 18.9% จะต้องใช้เงินทุนถึงราว 1.68 แสนล้านบาท

ขณะที่ในกรณีกำหนดสมมติฐาน GULF ซื้อหุ้นได้ 50% จะต้องใช้เงินถึงราว 7.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งปัจจุบัน GULF มีเงินสดในมือราว 1.6 หมื่นล้านบาท และหนี้สินต่อทุน GULF ปัจจุบันสูงถึง 2.4 เท่า (Net Gearing อยู่ที่ 1.47 เท่า) ประกอบกับบริษัทไม่มีแนวทางจะเพิ่มทุนและก่อหนี้มาซื้อเป็นหลัก

จึงเชื่อว่าแหล่งเงินทุนที่นำมาคืนหนี้ส่วนหนึ่งที่ GULF อาจพิจารณาหลังจากการทำคำเสนอซื้อแล้วเสร็จ อาจจะมีความเป็นไปได้ที่ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) จะขยับเพิ่มนโยบายจ่ายเงินปันผล (Payout Ratio) จากปัจจุบันที่ไม่ต่ำกว่า 70% ขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อลดภาระหนี้ที่ GULF หลังทำคำเสนอซื้อในระยะสั้น-กลาง

ทั้งนี้ ในอดีต ADVANC ปรับลด Payout Ratio ลงจาก 100% ในช่วงเริ่มลงทุน 4G ที่มีต้นทุนค่าคลื่นที่มีราคาแพงและจำเป็นต้องเร่งลงทุนโครงข่ายไล่ตามคู่แข่ง ภาพดังกล่าวประเมินมีโอกาสเสริม ADVANC กลับมาน่าสนใจได้ในระยะสั้น-กลาง

ขณะที่ฝ่ายวิจัยยังมองบวกต่อภาพในระยะยาวของ ADVANC มากขึ้น โดยเฉพาะแผน GULF จะนำรากฐานความเชี่ยวชาญ Digital Platform ในกลุ่มและฐานลูกค้า ADVANC ไปต่อยอดร่วมกัน อาทิ โครงการจำหน่ายไฟฟ้าแบบเสรีในระยะยาวที่จะขยายตลาดขายไฟฟ้าจากลูกค้าอุตสาหกรรมสู่ลูกค้าทั่วไป ซึ่ง INTUCH และ ADVANC จะได้ประโยชน์ทางอ้อมการขยายตัวสู่ธุรกิจ Digital Platform เกี่ยวกับอุตสาหกรรมพลังงาน ไปกับพันธมิตรด้านพลังงานชั้นนำของประเทศ

ต่อยอดจากฐานธุรกิจบริการโทรคมนาคมปัจจุบันที่ค่อนข้างอิ่มตัว ขณะที่ราคาหุ้น ADVANC ปัจจุบันอยู่ในโซนน่าสนใจ ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) ยังปรับตัวลดลง 3.7% ยังปรับขึ้นไม่มาก (Underperform) เมื่อเทียบกับทั้ง SET ที่เพิ่มขึ้น 8.7% และหุ้นกลุ่มสื่อสาร (ICT) ที่เพิ่มขึ้น 3.3%