5 จังหวัดล่าสุดโควิด19ระบาดหนักระดับสีแดง

5 จังหวัดล่าสุดโควิด19ระบาดหนักระดับสีแดง

ติดโควิด 19 รายใหม่พุ่ง 985 ราย 5 จังหวัดระบาดระดับสีแดง แพร่หนักเจอกลุ่มก้อนมากกว่า 100 ราย ไทยฉีดวัคซีนแล้วกว่า 5.7 แสนโดส ยัน"วัคซีนซิโนแวค"มีประสิทธิภาพป้องกันป่วยรุนแรง-เสียชีวิต


เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 12 เม.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด 19 ในประเทศ /วัคซีนโควิด 19 ว่า สถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ระลอกใหม่ เมษายน 2564 ตั้งแต่วันที่ 1-12 เม.ย. 2564 พบติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 985 ราย แบ่งเป็นการติดเชื้อในประเทศ 980 ราย จากในระบบบริการ 634 ราย คัดกรองเชิงรุก 346 ราย และติดจากต่างประเทศ 5 ราย ผู้ป่วยสะสมระลอกนี้ 5,265 ราย ยังรักษาใน รพ. 4,638 ราย ในรพ.สนาม 582 ราย อาการหนักใส่เครื่องช่วยหายใจ 9 ราย ทั้งนี้ หายป่วยแล้ว 822 ราย ไม่พบเสียชีวิตเพิ่ม เสียชีวิตระลอกนี้3 ราย ผู้ป่วยสะสมทั้งหมด 33,610 ราย เสียชีวิตสะสมทั้งหมด 97 ราย

กทม.ระบาดสูงสุดในระลอกใหม่
"การระบาดระลอกนี้ ปัจจัยเสี่ยงมากที่สุด คือ สถานบันเทิง ร้านอาหาร รองลงมาคือ ตลาด ชุมชน โดยกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ระบาดสูงสุดในระลอกนี้ และการระบาดในภาพรวมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งก็ต้องจับตาในช่วง 1-2 สัปดาห์หลังจากสงกรานต์ แม้จะเริ่มชะลอตัวบ้างเล็กน้อย โดย รูปแบบการระบาดแตกต่างจากคราวที่ผ่านมา เพราะพบการระบาดในวัยทำงาน คนหนุ่มสาว นักศึกษา และช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมของสถานศึกษา มหาวิทยาลัยหลายแห่ง รวมทั้งผู้ไปเที่ยวสถานบันเทิงก็กลับบ้าน"นพ.โอภาสกล่าว

5จ.ระบาดหนักระดับสีแดง

นพ.โอภาส กล่าวด้วยว่า เมื่อแบ่งการระบาดออกเป็นสี 5 ระดับ ซึ่งเป็นการแบ่งสีตามระบาดวิทยาไม่เกี่ยวกับมาตรการของศบค. ณ วันที่ 11 เม.ย.2564 ดังนี้
1.ในจังหวัดที่เป็นสีขาว เป็นจังหวัดไม่พบผู้ติดเชื้อ มี 6 จังหวัด

2.จังหวัดสีเขียว เป็นจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อในกทม. ปริมณฑล และกระจายไปจังหวัดบ้านเกิด แต่เมื่อไปถึงมีการตรวจจับเชื้อได้รวดเร็ว เป็นพื้นที่ที่ไม่ได้ติดเชื้อในพื้นที่ มี 35 จังหวัด

3. จังหวัดสีเหลือง มีผู้ติดเชื้อจังหวัดอื่นเดินทางมาจังหวัดปลายทาง และเกิดการติดเชื้อในครอบครัว มี 25 จังหวัด

4.จังหวัดสีส้ม มีการระบาดในจังหวัดตัวเอง แต่ไม่มาก เป็นกลุ่มก้อนน้อยกว่า 50 คน มี 6 จังหวัด ภูเก็ต ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม สระบุรี และระยอง

และ5.จังหวัดสีแดง มีการระบาดในจังหวัดตัวเองและมีกลุ่มก้อนมากกว่า 100 คนขึ้นไป มี 5 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และสระแก้ว


นพ.โอภาส กล่าวด้วยว่า ในการควบคุมสถานการณ์แต่ละจังหวัดก็จะมีมาตรการ อย่างเชียงใหม่ มีมาตรการทั้งรพ.สนาม ค้นหาเชิงรุก ส่วนใหญ่ของเชียงใหม่ จะสัมพันธ์กับนักศึกษา เพราะเป็นช่วงปิดเทอม มีกิจกรรมร่วมกัน เที่ยวสถานบันเทิง มีกิจกรรมออกค่าย ทำให้มีการระบาดในเชียงใหม่ค่อนข้างมาก นอกจากนี้ กรณีที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีการดำเนินการได้ดี โดยได้ค้นพบผู้ป่วยรอบ 24 ชั่วโมง 52 ราย สะสม 193 ราย ซึ่งจุดเริ่มต้นของประจวบคีรีขันธ์มาจากผู้ไปสถานบันเทิง 1 คนจากคลิสตัลผับ จากนั้นมีอาการไปติดคนในครอบครัว โดยตอนมีอาการก็เดินทางไปจ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงถือเป็นเคสนำเข้า โดยเขาไปทำกิจกรรมคอนเสิร์ตกับเพื่อน 7 คน ซึ่งคนที่ไปด้วยกันติดเชื้อหมด โดยทางจังหวัดได้มีการสอบสวนโรคและติดตามคนทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง และจุดต่างๆที่ผู้ติดเชื้อไปได้ทำลายเชื้อทุกจุดในหัวหินเมื่อวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา ณ ขณะนี้จุดต่างๆในหัวหินจึงปลอดเชื้อแล้ว ซึ่งถือเป็นตัวอย่างจังหวัดที่ควบคุมได้ดี

อย่าปกปิดข้อมูล

“สถานการณ์พบผู่ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระจายทั่วประเทศ และพบการระบาดในจังหวัดเป็นกลุ่มก้อนหลายจังหวัดที่เชื่อมโยงสถานบันเทิง ผับบาร์ คาราโอเกะ และกิจกรรมเสี่ยงอื่นๆ จึงขอให้ช่วยกันลดความเสี่ยงต่อการระบาดในวงกว้าง โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์ ลดกิจกรรม และนักศึกษาท่านใดไปเที่ยวสถานบันเทิง ขอให้สังเกตอาการ ป้องกันตัวเองให้มากที่สุด และงดกิจกรรมกับคนหมู่มาก อีกทั้ง ช่วงนี้พบว่าคนที่ไปสถานบันเทิง 1 คนไปอีกหลายที่ แต่เบื้องต้นไม่ค่อยบอกข้อมูลครบถ้วนกับเจ้าหน้าที่ ต้องใช้เวลาซักถามหลายวัน ทำให้การสอบสวนโรคเป็นไปอย่างล่าช้าและยากลำบาก จึงขอให้ร่วมมือร่วมใจกัน อย่าปกปิดข้อมูล” นพ.โอภาส กล่าว

ฉีดวัคซีนแล้ว5.7แสนโดส
สำหรับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด19 ของประเทศไทย ขณะนี้กระจายวัคซีนไปแล้วประมาณ 1 ล้านโดส โดยตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-11 เม.ย.2564 ฉีดไปแล้ว 570,052 โดส เป็นเข็มที่ 1 จำนวน 498,791 ราย และเข็มที่ 2 จำนวน 71,261 ราย ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมาย และล่าสุดวัคซีนที่เข้ามาล็อตที่ 3 จากซิโนแวค อยู่ระหว่างตรวจสอบคุณภาพทางห้องปฏิบัติการ คาดว่า 2-3วันจะแล้วเสร็จและจะเร่งกระจายเพื่อฉีดต่อไป หลังจากนั้นเดือนมิ.ย.ก็จะมีวัคซีนอีก 6-10 ล้านโดสต่อเดือนก็จะฉีดครอบคลุมทั่วประเทศต่อไป


ประสิทธิภาพวัคซีนซิโนแวคอยู่ระดับตามมาตรฐาน
นพ.โอภาส กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวว่าวัคซีนซิโนแวคมีประสิทธิภาพต่ำว่า ในการฉีดวัคซีน มีวัตถุประสงค์ 3 ส่วน คือ 1.ป้องกันการติดเชื้อ 2.ป้องกันการติดเชื้อแล้วโอกาสที่จะเจ็บป่วยรุนแรง และ3.ป้องกันการเสียชีวิต สำหรับวัคซีนที่ประเทศไทยได้นำมาจากประเทศจีนมาใช้กับพี่น้องประชาชน รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข จะพบว่าไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ได้ 100% แต่มีประสิทธิภาพอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ คือเกิน 50 %ขึ้นไป และประสิทธิภาพในการป้องกันไม่ให้มีอาการป่วยรุนแรงจนถึงต้องเข้ารพ.หรือเสียชีวิต สามารถป้องกันได้เกือบ 100% เพราะฉะนั้น วัคซีนนี้จึงได้มาตรฐานทั้งเชิงประสิทธิภาพและคุณภาพ จึงขอให้มั่นใจยังสามารถฉีดได้ แต่เมื่อฉีดแล้วยังคงต้องคงมาตรการป้องกันต่างๆ เช่นมการใส่หน้ากากอนามัย การเว้น ระยะห่าง และล้างมือบ่อนๆไปอีกสักระยะหนึ่ง จึงยังยืนยันว่าวัคซีนนี้มีประสิทธิภาพในการที่สามารถป้องกันในระดับตามมาตรฐานได้

"ความร่วมมือของพี่น้องประชาชนสำคัญมากในการที่จะสามารถควบสถานการณ์โรคได้ในเวลาไม่นานและตัวเลขผู้ติดเชื้อ จะเหลือระดับแค่ไม่กี่ร้อยคนหรือไม่กี่สิบคน จึงขอให้ลดกิจกรรมที่ไม่จำเป็น ลดการเดินทาง การใส่หน้ากากอนามัยเว้นระยะห่าง จะสามารถทำให้เราควบคุมสถานการณ์
โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์ โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นนักศึกษาที่กำลังเรียนจบ จะมีกิจกรรมถ้าไม่ใช่กิจกรรมที่จำเป็นจริงๆอย่างยิ่งยวด ขอท่านช่วยงดกิจกรรม ลดการเดินทางอยู่บ้านให้มากที่สุด แต่ถ้าท่านใดที่สงกรานต์กลับไปบ้านแล้ว ก็อย่าลืมใส่หน้ากากอนามัยไปหาผู้ใหญ่ เพื่อป้องกันผู้ใหญ่ที่ท่านรัก"นพ.โอภาสกล่าว