'ไอ' หรือ 'ไอแห้ง' แบบไหน ที่เข้าข่าย 'อาการโควิด' ?

'ไอ' หรือ 'ไอแห้ง' แบบไหน ที่เข้าข่าย 'อาการโควิด' ?

เช็คตัวเองเมื่อมีอาการ "ไอ" หรือ "ไอแห้ง" ลักษณะแบบไหน ที่เข้าข่าย "อาการโควิด" หรือส่อแววติดเชื้อ "โควิด-19" ที่ต้องเฝ้าระวัง  

"อาการไอ" เป็นอีกหนึ่งอาการที่เป็นจุดสังเกตที่กำลังบ่งบอกถึงอาการของโรค "โควิด-19" ทว่า ไม่ใช่ว่า "อาการไอ" ทุกรูปแบบ จะเสี่ยงเป็น "โควิด-19" ไปเสียหมด 

ก่อนที่ด่วนตัดสิน ลองสำรวจอาการ "ไอ" ของตัวเองก่อนว่า เป็นการไอลักษณะใด แล้วลักษณะการไอแต่ละประเภทบ่งบอกถึงอะไรได้บ้าง

  •  "ไอแห้ง" เสี่ยง "โควิด-19"

"ไอแห้ง" มีลักษณะเหมือนคอแห้ง ไม่มีน้ำลาย ไม่มีเสมหะ อาจมีอาการไอรุนแรงขึ้นในเวลากลางคืน เวลาไอจะรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างติดที่ลำคอ รู้สึกคัน หรือระคายคอ คอแห้ง เสียงอาจแหบ รู้สึกอยากจะกลืนน้ำลายบ่อยๆ 

อย่างไรก็ตามการไอแห้ง เป็นหนึ่งในอาการที่พบในโรค "โควิด-19" เท่านั้น โดยอาการทั่วไปของโรคโควิดนอกจากการไอแห้งแล้ว ยังมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

โดยอาการที่พบบ่อยที่สุดสำหรับผู้ที่ "ติดเชื้อโควิด-19" คือ มีไข้ (ไข้สูงติดต่อกัน 48 ชั่วโมง), ไอแห้ง, ไม่มีเรี่ยวแรง หอบเหนื่อย, ไอมีเสมหะ, หายใจลำบาก, เจ็บคอ, ปวดหัว, จมูกไม่ได้กลิ่น, ลิ้นไม่รับรส

แต่หากมีอาการรุนแรง จะหายใจลำบากหรือหายใจถี่ เจ็บหน้าอกหรือแน่นหน้าอก สูญเสียความสามารถในการพูดและเคลื่อนไหว โดยเฉลี่ยแล้วผู้ที่ติดเชื้อไวรัสจะแสดงอาการป่วยใน 5-6 วัน อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยอาจใช้เวลานานถึง 14 วันจึงจะแสดงอาการ 

  •  ไอมีเสมหะ 

"ไอแบบมีเสมหะ" เป็นอาการไอร่วมกับของเหลวเป็นเมือกเหนียวข้นออกมาขณะไอด้วย โดยเมือกเหนียวๆ ที่ออกมาพร้อมตอนไอ ก็คือ เสมหะ หรือ เสลด ซึ่งเมื่อเราไอแบบมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย จะทำให้เกิดอาการหายใจลำบาก กลืนลำบาก 

ทั้งนี้ การไอแบบมีเสมหะ เกิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่

  • โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด ภูมิแพ้ หรือโรคหืด
  • สูบบุหรี่ ดื่มเหล้าเป็นประจำ
  • อยู่ในที่เย็นหรือที่ชื้นเป็นประจำ หรือเข้าฤดูหนาวอากาศเย็นลง
  • การระคายเคือง หรือ ติดเชื้อเรื้อรังบริเวณลำคอ
  • โรคหลอดลมอักเสบ
  • ปอดบวม หรือปอดอักเสบ
  • โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
  • ไซนัสอักเสบ

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่สถานการณ์ "โควิด-19" ยังแพร่ระบาดและมีแนวโน้มว่าจะแพร่ระบาดระลอกใหม่แบบนี้ ไม่ว่าจะมีอาการไอแห้งหรือไม่ก็อย่าลืมสังเกตอาการของตัวเองอยู่เสมอ

ที่สำคัญคือป้องกันตัวเองแบบมีความรับผิดชอบต่อสังคม สวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเมื่อต้องไปในที่ชุมชน เว้นระยะห่างจาก 1.5-2 เมตรจากผู้อื่น ล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอกอฮอล์บ่อยๆ กินร้อน ใช้ช้อนส่วนตัว เพื่อลดโอกาสรับเชื้อและแพร่เชื้อ "โควิด-19" ซึ่งทำให้รอดวิกฤติโรคระบาดครั้งนี้ไปด้วยกัน

ที่มา: gedgoodlife pobpad