TMB ส่องรายใหญ่-เอสเอ็มอี จ่อเข้ามาตรการ‘พักหนี้’ทะลัก 9.1หมื่นล้าน

TMB ส่องรายใหญ่-เอสเอ็มอี จ่อเข้ามาตรการ‘พักหนี้’ทะลัก 9.1หมื่นล้าน

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจทีเอ็มบี ประเมินธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร อพาร์ตเมนต์ 1.8 หมื่นราย ยอดหนี้รวม 9.1 หมื่นล้านบาท แห่ซบมาตรการพักหนี้ของแบงก์ชาติ หลังสินเชื่ออยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงพุ่ง ภาระหนี้เฉลี่ย 2-3 ปีที่ผ่านมาสูงลิ่ว

       นายนริศ สถาผลเดชา ผู้บริหาร ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี ธนาคารทหารไทย หรือ TMB Analytics กล่าวว่า หากประเมินมาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์ชำระหนี้ และให้สิทธิ์ลูกหนี้ซื้อคืนทรัพย์สิน ภายใต้มาตรการ “พักทรัพย์พักหนี้” (Asset Warehousing) ในวงเงิน 1 แสนล้านบาท เพื่อช่วยเหลือ ธุรกิจหลักที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19

      โดยคาดว่า จะมีธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว รวมถึงธุรกิจบันเทิง ร้านอาหาร อพาร์ตเมนต์ และ หอพักให้เช่า เข้าโครงการพักหนี้ พักทรัพย์ครั้งนี้ ถึง 9.1 หมื่นล้านบาท หรือมีภาคธุรกิจที่เข้าร่วม หรือมีผู้ที่จะได้รับประโยชน์กว่า 18,650 ราย

      กลุ่มที่มีโอกาสเข้าโครงการพักหนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี ที่มีปัญหาในการชำระหนี้ โดยหากดูยอดสินเชื่อด้อยคุณภาพ หรือเอ็นพีแอลในธุรกิจโรงแรม พบว่ามีสูงถึง 22,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนถึง 99% ของสินเชื่อเอ็นพีแอลธุรกิจโรงแรมทั้งหมด

      ขณะที่ธุรกิจเอสเอ็มอี กลุ่มท่องเที่ยวอื่นๆ มีสัดส่วนหนี้เสียที่สูงเช่นกันราว 1,300 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 99% ของยอดสินเชื่อเอ็นพีแอลรวมทั้งหมดในธุรกิจท่องเที่ยว ดังนั้นหากรวมหนี้เสียกลุ่มธุรกิจอื่นๆ เช่น หอพัก สถานบันเทิง กีฬา ร้านอาหาร สปา ธุรกิจนำเที่ยว หนี้เสียรวมจะสูงถึง 38,000 ล้านบาท

     นอกจากนี้ หากดูมูลค่าสินเชื่อความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (Stage 2) ของธุรกิจโรงแรมมีมูลค่ารวม 54,000 ล้านบาท และเมื่อรวมกับยอดสินเชื่อในธุรกิจท่องเที่ยว หอพัก ความบันเทิง กีฬา และ ร้านอาหาร จะทำให้มูลค่าสินเชื่อ Stage 2 มียอดรวมกันสูงถึง อยู่ที่ 90,000 ล้านบาท

     อีกทั้งส่วนใหญ่ที่เป็นสินเชื่อ Stage 2 พบว่า เป็นสัดส่วนสินเชื่อมากกว่าธุรกิจขนาดใหญ่อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว

      ซึ่งสินเชื่อธุรกิจโรงแรม SMEs ที่เป็นสินเชื่อความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ มีมูลค่าสินเชื่อ 48,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 89% ของสินเชื่อ Stage 2 ในธุรกิจโรงแรมทั้งหมด ส่วนธุรกิจร้านอาหาร SMEs มีมูลค่าสินเชื่อ 8,100 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 82% ของสินเชื่อ Stage 2 ทั้งหมด

ภาระหนี้โรงแรมพุ่ง

     นอกจากนี้ หากดู‘อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน’’ (Debt to Equity Ratio) กับความสามารถในการทำกำไรของกิจการ (Profitability) ประเมินธุรกิจที่มีโอกาสจะเข้าสู่โครงสร้างพักทรัพย์พักหนี้ ซึ่งเรียกว่า “กลุ่มเสี่ยง” เป็นธุรกิจที่มีปัญหาภาระหนี้สูงจาก การมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มผู้ประกอบการที่มีผลการดำเนินขาดทุนต่อเนื่อง (ตั้งแต่ปี 2560-2562) ซึ่งเฉลี่ยมากกว่า 0.3-2.9 เท่า แตกต่างกันไปตามธุรกิจ โดยธุรกิจโรงแรมที่มี D/E สูงกว่า 2.5 เท่า มีจำนวนกลุ่มเสี่ยงถึง 4,315 ราย มีหนี้สินตามงบการเงินอยู่ประมาณ 5.4 หมื่นล้านบาท

     ในขณะที่ธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ก็ได้รับผลกระทบหนักเช่นกัน โดยเฉพาะหอพัก อพาร์ตเมนต์ มี D/E สูงกว่า 2.9 เท่า จำนวนกลุ่มเสี่ยง 4,209 ราย และมีหนี้สิน 1.5 หมื่นล้านบาท ส่วนธุรกิจบันเทิง กีฬา สปา มี D/E สูงกว่า 0.8 เท่า จำนวนกลุ่มเสี่ยง 4,005 ราย หนี้สิน 1 หมื่นล้านบาท

     ทั้งนี้ เมื่อแยกพิจารณาตามขนาดธุรกิจ พบว่า ธุรกิจ SMEs นิติบุคคล จำนวนกลุ่มเสี่ยงอยู่ที่ 18,567 ราย คิดเป็นสัดส่วน 45% ของจำนวน SMEs ทั้งหมด ประเภทธุรกิจที่มีกลุ่มเสี่ยงสูงได้แก่ โรงแรม 55% รองลงมาคือธุรกิจนำเที่ยว 44% และกลุ่มธุรกิจบันเทิง กีฬา สปา หอพัก อพาร์ตเมนต์ ร้านอาหาร 42%

     ขณะที่ ธุรกิจขนาดใหญ่ จำนวนกลุ่มเสี่ยงอยู่ที่ 83 ราย คิดเป็นสัดส่วน 40% ของธุรกิจขนาดใหญ่ทั้งหมด โดยประเภทธุรกิจที่มีกลุ่มเสี่ยงมากที่สุด ได้แก่ ธุรกิจนำเที่ยว 68% รองลงมาคือ ธุรกิจบันเทิง กีฬา สปา 46% และโรงแรม ร้านอาหาร 35%

     ดังนั้นเชื่อว่า มาตรการพักทรัพย์พักหนี้ เป็นมาตรการช่วยเหลือที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะธุรกิจ SMEs ประเด็นสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบการสนใจเข้าร่วมโครงการนี้ คือ การมีเงื่อนไขและข้อตกลงระหว่างลูกหนี้-เจ้าหนี้ที่ชัดเจน ที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นร่วมกัน

     อย่างไรก็ตามโครงสร้างธุรกิจท่องเที่ยวของไทยมีธุรกิจ SMEs เป็นจำนวนมาก ทำให้ธุรกิจบางส่วนมีหลักทรัพย์ไม่เข้าเกณฑ์ในการเข้าร่วมโครงการ หรือมีปัญหาหนี้สินที่ไม่ได้อยู่ในระบบสถาบันการเงิน ส่งผลให้ธุรกิจ SMEs บางส่วนไม่ได้รับการช่วยเหลือผ่านมาตรการพักทรัพย์พักหนี้ในครั้งนี้

    ดังนั้นภาครัฐควรมีมาตรการอื่นเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อช่วยประคองธุรกิจโรงแรมและท่องเที่ยวในช่วงก่อนการกลับเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างประเทศอีกครั้ง