"ประวิตร"เห็นด้วย "พปชร." ยื่นแก้รัฐธรรมนูญประเด็น จี้ "ฝ่ายค้าน-พรรคร่วม" เสนอให้ตรงกัน

       นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้า พรรคพลังประชารัฐ แถลงต่อกรณีที่ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เตรียมยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 7 เมษายน ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เห็นชอบกับเนื้อหาที่เตรียมเสนอให้แก้ไข ทั้ง 5 ประเด็น 13 มาตรา อย่างไรก็ดีตนเชื่อว่าเนื้อหาที่เสนอนั้นจะได้รับการสนับสนุนจากส.ว. และส.ส. ในวาระแรก ท้ังนี้ ตนขอเรียกร้องไปยัง ฝ่ายค้านหรือส.ส.ที่ต้องการยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ พิจารณาเนื้อหาตามที่พรรคพลังประชารัฐเสนอ เพื่อให้ได้รับการยอมรับร่วมกัน เพราะ ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐจะไม่ยอมรับในเนื้อหาที่เกินไปกว่า 5 ประเด็นที่นำเสนอ โดยเฉพาะข้อเสนอให้ตัดอำนาจของวุฒิสภา ต่อการร่วมลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีในรัฐสภา

       “ญัตติที่เสนอ มีเพียง ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ เพียงพรรคเดียวที่ร่วมลงชื่อ ขณะนี้ยังรอให้ส.ส.ได้ลงชื่อ ส่วนที่ไม่ร่วมเสนอญัตติร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลนั้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา ต่อกรณีที่อาจมีความเห็นไม่ตรงกัน  ทั้งนี้ผมขอยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐมีความต้องการจะให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ และรัฐธรรมนูญ ทั้ง 279 มาตรา สามารถที่จะเสนอแก้มาตราใดก็ได้ แต่สิ่งที่เสนอนั้นยืนยันว่าจะไม่สร้างความขัดแย้ง เพราะเป็นประโยชน์กับประชาชนและไม่ใช่การชิงอำนาจรัฐ” นายไพบูลย์ กล่าว

       นายไพบูลย์ กล่าวถึงเหตุผลของการเสนอแก้ไขระบบเลือกตั้ง จากจัดสรรปันส่วนผสม ไปเป็นการเลือกตั้งระบบปกติเหมือนรัฐธรรมนูญ 2540 ว่า เป็นไปตามความเห็นส่วนใหญ่ ร้อยละ 90 ของส.ส.ในสภาฯ ที่ต้องการให้กลับมาใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบอย่างไรก็ดีตนไม่คิดว่าการปรับระบบเลือกตั้งดังกล่าวจะทำให้พรรคการเมืองบางพรรคได้เปรียบหรือเสียเปรียบระหว่างกัน ส่วนที่แก้ไขแล้วมีผลกระทบกับบางพรรคนั้น  ส่วนตัวมองว่าต้องรับฟังเสียงส่วนใหญ่ของส.ส.ที่ต้องการให้แก้ไขเนื้อหา 

       เมื่อถามว่าการแก้ไขระบบเลือกตั้งจะทำให้พรรคพลังประชารัฐได้เปรียบในการเลือกตั้งครั้งหน้าใช่หรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวในความเห็นส่วนตัว เชื่อว่า พรรคพลังประชารัฐได้รับความนิยมจากประชาชนและความนิยมดังกล่าวจะเพิ่มมากขึ้น ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นเพื่อรองรับการยุบสภาช่วงปลายปี 2564 นั้นตนไม่เชื่อว่าจะยุบสภาฯ เพราะรัฐบาลจะอยู่ครบเทอมถึงปี 2565 อีกทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับการยุบสภา ซี่งเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ขณะที่ที่มีผู้ระบุว่าหากแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วต้องยุบสภาฯ นั้น ที่ผ่านมาไม่เคยมีธรรมเนียมปฏิบัติดังกล่าว และรัฐบาลไม่เคยระบุ อีกทั้งยังไม่ได้ยินประเด็นดังกล่าวจากฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

       ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่ปรับระบบเลือกตั้งและกำหนดเกณฑ์ได้พรรคที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ได้คะแนนเสียยง ร้อยละ1 ถึงได้ส.ส. จะทำลายพรรคการเมืองขนาดเล็กหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า เป็นหลักการทั่วไป อีกทั้งกรณีดังกล่าวเพื่อแก้ปัญหาของส.ส.ปัดเศษ ซึ่งถูกวิจารณ์ อย่างไรก็ดีตนเชื่อว่าการเสนอเนื้อหาดังกล่าวจะได้รับการสนับสนุน.