Selective Buy (1 เม.ย.64)

Selective Buy (1 เม.ย.64)

แรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลงหลังโอเปคพลัสคาดการณ์ Demand การใช้น้ำมันจะลดลงในปีนี้

ตลาดหุ้นวานนี้

SET ปิดลบ 2 จุด (-0.15%) อยู่ที่ 1,587.21 จุด มูลค่าการซื้อขาย 7.2 หมื่นลบ. ดัชนีปรับลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศกังวล US bond yield 10 ปี ปรับขึ้นทำ New high ในรอบ 14 เดือน

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

คาด SET แกว่งตัว 1,580 - 1,600 จุด แม้ภาวะตลาดจะได้แรงหนุนจากสหรัฐประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ 10 ปีมูลค่า 2.26 ล้านล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม แรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลงหลังโอเปคพลัสคาดการณ์ Demand การใช้น้ำมันจะลดลงในปีนี้ รวมถึง US bond yield ที่พุ่งขึ้นเหนือ 1.7% และ Fund flow ที่ผันผวนจะฉุดให้ดัชนีอ่อนตัวลง

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • EA GPSC BPP ได้ประโยชน์รัฐบาลสนับสนุนรถ EV Car 
  • AOT MINT CENTEL AAV BA CPN CRC MAJOR BDMS BH อานิสงส์วัคซีน Covid-19 และการเปิดเมือง 
  • HANA KCE TU CPF อานิสงส์เงินบาทที่อ่อนค่าลง
  • หุ้นกระแสกัญชง  ICHI SAPPE RBF DOD IP TACC GUNKUL KISS PTG

หุ้นแนะนำวันนี้

  • TU (ปิด 14.7 ซื้อ/เป้า 18) ได้ Sentiment บวกเงินบาทอ่อนค่าโดย TU มีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกมาสุดของอุตสาหกรรม (70% ของรายได้รวม) และยังมี Story จากการออกผลิตภัณฑ์ทูน่ากัญชง
  • EPG (ปิด 10.2 ซื้อ/เป้า 12.5 บาท) คาดกำไรสุทธิ 4Q21 เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทุกธุรกิจยอดขายเพิ่มหนุนกำไร น้ำมันดิบที่สูงขึ้นยังไม่กระทบต้นทุนเพราะมีสต๊อกวัตถุดิบต่ำไว้ไม่ต่ำกว่า 2 ไตรมาส

บทวิเคราะห์วันนี้

DTAC (ปิด 32.75 ซื้อ/เป้า 57), TWPC (ปิด 4.86 ซื้อ/เป้า 5.6)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+) เปิดแผนกระตุ้น ศก. ระยะ 10 ปีของสหรัฐมูลค่า 2.26 ล้านล้านเหรียญ: การตอบรับของตลาดดูไม่คึกคักเนื่องจากแผนกระตุ้น ศก.เป็นแผนระยะ 10 ปีมูลค่าลงทุนต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 3 ล้านล้านเหรียญ โดยมาตรการที่มีการเปิดเผยเบื้องต้นประกอบด้วยการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งรวมไปถึงยานพาหนะไฟฟ้า 6.2 แสนล้านเหรียญ, โครงการด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัย 5.6 แสนล้านเหรียญ สนับสนุนด้านการวิจัยและพัฒนา 4.8 แสนล้านเหรีญฯ
  • (-) ราคาน้ำมันดิบร่วงก่อนการประชุม OPEC+ คืนนี้: ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.39 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 59.2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แม้ช่วงแรกจะปรับตัวขึ้นรับข่าวสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐปรับตัวลงแต่ท้ายตลาดถูกกดดันหลังจากกลุ่ม OPEC+ ลดคาดการณ์อุปสงส์น้ำมันดิบทั่วโลกลงจากเดิมคาดเพิ่มขึ้น 5.9 ล้านบาร์เรลต่อวันเป็น 5.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน
  • (+) ย้อนสถิติลงทุนเดือน เม.ย.มีโอกาสให้ผลตอบแทนเป็นบวกมากกว่าลบ: ข้อมูลสถิติย้อนหลัง 10 ปี (2011-2020) พบว่าการลงทุนในเดือน เม.ย.ให้ผลตอบแทนเป็นบวกทั้งหมด 8 ปี และมีเพียง 2 ปี เท่านั้นที่ให้ผลตอบแทนติดลบ หรือสรุปได้ว่าการลงทุนในเดือน เม.ย.มีความน่าจะเป็นที่จะให้ผลตอบแทนเป็นบวกสูงถึง 80% คาดเกิดจากการเข้าดักเก็งกำไรก่อนที่บริษัทจดทะเบียนจะประกาศงบไตรมาส 1 ของแต่ละปี