'รมว.ยธ.'ห่วงสุขภาพ'เพนกวิน'-เล็งถกผอ.เรือนจำรับมือประท้วงอดอาหาร

'รมว.ยธ.'ห่วงสุขภาพ'เพนกวิน'-เล็งถกผอ.เรือนจำรับมือประท้วงอดอาหาร

'รมว.ยธ.'ห่วงสุขภาพ'เพนกวิน'-เล็งถกผอ.เรือนจำรับมือประท้วงอดอาหาร ยันทำตามหลักสิทธิมนุษยชน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์กรณี ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ประสานมารดานายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎร ให้เลิกอดอาหารเพราะเป็นห่วงสุขภาพ ว่า ทุกคนให้ความเป็นห่วง นายพริษฐ์ เพราะถ้าเกิดเจ็บป่วยขึ้นมาจะเกิดปัญหา ตนกำชับไปแล้วต้องไม่มีเหตุอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น

โดยสัปดาห์นี้จะวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ให้ผอ.เรือนจำทั้งหมดรับทราบนโยบายและเรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นให้ทันต่อเหตุการณ์ ไม่ใช่ว่าถ้าถามข้อมูลอะไรก็ไม่ทันการมันจะเกิดความเสียหาย และต้องปฏิบัติตามระเบียบเป็นไปตามสิทธิมนุษยชนซึ่งต้องมีความละเอียดไม่ให้มีเรื่องของความไม่เข้าใจเกิดขึ้นและต่อความยาวสาวความยืดกัน

เมื่อถามว่า หากนายพริษฐ์ เจ็บป่วยขึ้นมาโรงพยาบาลของกรมราชทัณฑ์มีมาตรฐานเพียงพอหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องมาตรฐานของโรงพยาบาลดีเหมือนกันหมดไม่มีปัญหาเพียงแต่เจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์มีจำกัดเพียง 1 คน ต่อนักโทษ 33 คน ซึ่งตนจะกำชับให้ดูแลอะเอียดขึ้น

เมื่อถามว่า จะป้องกันอย่างไรไม่ให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ เพราะล่าสุดน.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง แกนนำกลุ่มราษฎร ประกาศจะอดอาหารบ้าง นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ป้องกันอะไรไม่ได้ แต่เราระมัดระวังอย่าให้เขาเป็นอันตรายก็ทำให้ดีที่สุดและไม่ปล่อยปะละเลย โดยเฉพาะข้อมูลต้องประสานกันให้รวดเร็วเพื่อป้องกันความไม่เข้าใจเพราะบางครั้งก็เป็นข่าวไปหลายวันสร้างความสับสนทั้งที่ข้อเท็จจริงไม่มีอะไรรุนแรง

เมื่อถามว่าลำบากใจหรือไม่ที่นักโทษในเรือนจำอดอาหารซึ่งไม่เคยเกิดเหตุการเช่นนี้มาก่อน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ผู้คุมก็ต้องดูเพราะเป็นความรับผิดชอบ

เมื่อถามถึงกรณี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ถอดกำไลอีเอ็ม นายสมศักดิ์ กล่าวว่า มีอีเอ็มมันก็เป็นเครื่องเตือนใจ ถอดแล้วก็แสดงว่าหมดเวลาของพันธนาการแล้วเข้าสู่โหมดการใช้ชีวิตไปไหนมาไหนได้ปกติ ส่วนจะไปทำกิจกรรมทางการเมืองได้หรือไม่นั้นตนไม่ทราบต้องไปดูคำสั่งศาล

อย่างไรก็ตามขณะนี้ตนมีแนวคิดเรื่องการปล่อยนักโทษร้ายแรงก่อนเวลาแล้วใช้ระบบใส่กำไลข้อเท้าติดตามตัว ซึ่งได้แลกเปลี่ยนประชาชนไป 3 ครั้งแล้วเป็นบวกและตรงกันที่กระทรวงอยากดำเนินการแต่ก็ต้องฟังเสียงประชาชนอีกสักระยะเพราะถ้าเราปล่อยปะละเลยเหมือนในอดีตก็จะเกิดการกระทำผิดซ้ำ