“เอเชียคลีน”เล็งขยาย2นิคม ดึงทุนไฮเทค3หมื่นล้าน“อีอีซี”

“เอเชียคลีน”เล็งขยาย2นิคม  ดึงทุนไฮเทค3หมื่นล้าน“อีอีซี”

แหล่งลงทุนนับปัจจัยสำคัญลำดับต้นๆของการลงทุน ดังนั้น นิคมอุตสาหกรรมยุคใหม่จึงต้องมีความน่าสนใจที่มากกว่ามาตรฐานที่เคยมีอยู่ที่ผ่านๆมา “นิคมอุตสาหกรรมเอเชีย คลีน ชลบุรี” จังหวัดชลบุรี ตั้งอยู่ที่ ตำบลห้างสูง อำเภอหนองใหญ่ และ ตำบลหนองอิรุณ

อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี ได้รับการประกาศตั้งเป็นนิคมอุตสาหกรรมในวันที่ 10 ก.พ. 2564 มีพื้นที่ประมาณ 1,294 ไร่ ประกอบด้วย พื้นที่อุตสาหกรรม 75.59% พื้นที่ระบบสาธารณูปโภค 14. 41% พื้นที่สีเขียวและแนวกันชน 10%

โดย ทำเลที่ตั้งของ นิคมอุตสากรรมเอเชีย คลีน ชลบุรี ตั้งอยู่บนพื้นที่ติดทางหลวงหมายเลข 331 มุ่งหน้าสู่ท่าเทียบเรือน้ำลึกแหลมฉบัง พร้อมสรรพด้วย เส้นทางมอเตอร์เวย์ M61 เริ่มต้นจากท่าเทียบเรือน้ำลึกแหลมฉบัง ตัดผ่านหน้าโครงการ ไปสิ้นสุดที่ จังหวัดหนองคาย เพิ่มความสะดวกรวดเร็วและประสิทธิภาพในการส่งออกสินค้าเพื่อส่งต่อไปยังตลาดต่างประเทศ พื้นที่ของนิคมอุตสาหกรรมเอเชีย คลีน ชลบุรี เป็นที่ราบเชิงเขา ไม่เสี่ยงต่อน้ำท่วม เมื่อรวมกับการจัดการเป็นนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะเชิงนิเวศด้วยระบบสาธารณูปโภคที่ทันสมัย มีพื้นที่สีเขียวที่สมดุล พื้นที่สำรองน้ำขนาดใหญ่ พร้อมด้วยวิสัยทัศน์ที่นำนวตกรรมและเทคโนโลยี่พัฒนาให้เป็นเมืองอุตสาหกรรมอัจฉริยะเชิงนิเวศเติบโตและอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างยั่งยืน

เสรี อติภัทธะ ประธานกรรมการ บริษัท เอเชีย คลีน อินดัสเตรียล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการดึงดูดการลงทุนสูงมาก ดังนั้นบริษัทฯ จึงได้ลงทุนตั้งนิคมอุตสาหกรรมเอเชีย คลีน ชลบุรี บนพื้นที่ 1.3 พันไร่ โดยจุดเด่นของนิคมฯ นี้ คือ การนำปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นใน

นิคมฯ ก่อนหน้านี้ มาปรับปรุงแก้ไขพัฒนาให้เป็นพื้นที่รองรับอุตสาหกรรมที่สมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะในเรื่องระบบรองรับด้านสิ่งแวดล้อมที่ใช้เทคโนโลยีล่าสุดเข้ามาป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมกระทบต่อชุมชน และการให้บริการด้านต่าง ๆ ที่อำนวยความสะดวกสูงสุด เพื่อให้ผู้ประกอบการที่มาตั้งโรงงาน และพนักงาน ดำเนินกิจการได้อย่างมีความสุข

161676846757

นอกจากนี้ นิคมฯเอเชีย คลีน ยังเป็นบริษัทในเครือของ เอซีอี ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน จึงได้นำประสบการณ์ที่มีมาลงทุนก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคทั้งในเรื่องไฟฟ้า น้ำ ถนน ระบบโลจิสติกส์ ที่มีคุณภาพสูง โดยเฉพาะในเรื่องพลังงานไฟฟ้าที่มีความเสถียร และมั่นคง จึงเหมาะกับอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง รวมไปถึงความร่วมมือกับบริษัทโทรคมนาคมชั้นนำในการเข้ามาวางระบบ 5 จี ภายในนิคมฯ ทำให้รองรับอุตสาหกรรมยุคใหม่ที่ใช้หุ่นยนต์ และเครื่องจักรอัตโนมัติได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และยังได้ยื่นเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของสำนักงานนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เพื่อยกระดับให้เป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษแล้ว คาดว่าจะได้รับการอนุมัติในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้น

ในส่วนของการบำบัดน้ำเสีย ทางนิคมฯ ได้ลงทุนก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางโดยใช้เทคโนโลยี อาร์โอ ซึ่งจะนำน้ำเสียในนิคมฯ มาบำบัดและรีไซเคิลนำกลับมาใช้ใหม่ทั้งหมดทำให้ประหยัดน้ำได้สูงสุด รวมทั้งยังมีแหล่งน้ำสำรองภายในนิคมฯ และรอบนอกนิคมฯ รวมกันกว่า 2 ล้านลูกบาศก์เมตร และมีสัญญาระยะยาวจัดซื้อน้ำจากผู้ผลิต ทำให้หมดความกังวลในเรื่องภัยแล้งในภาคตะวันออก และมั่นใจว่าจะมีน้ำมาป้อนให้กับโรงงานอย่างเพียงพอ

“โครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ จะแล้วเสร็จภายในเดือนต.ค.2564 ใช้งบลงทุนไปกว่า 3 พันล้านบาท ทำให้มีความพร้อมสูงในการรองรับอุตสาหกรรมไฮเทคทุกด้าน เช่น อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์แห่งอนาคต อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ และคลังสินค้า ส่วนในอนาคต หากโรงงานที่เข้ามามีความต้องการใช้ไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก ก็มีแผนที่จะสร้างโรงฟ้าภายในนิคมฯ เพิ่มความมั่นคงด้านไฟฟ้า”

โดยในขณะนี้ ได้มีผู้ประกอบการทั้งในประเทศ และต่างประเทศให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนหลายราย โดยคาดว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ จะมีเข้ามาไม่ต่ำกว่า 5-6 ราย โดยในเฟสแรก จะรองรับนักลงทุนได้ 30-40 ราย และหากลงทุนเต็มพื้นที่ คาดว่าจะเกิดเม็ดเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท โดยนักลงทุนส่วนใหญ่จะมาจากจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอื่น ๆ

ทั้งนี้ หากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย เศรษฐกิจโลกกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และยอดขายที่ดินในนิคมฯเอเชีย คลีน เป็นไปตามเป้าหมาย บริษัทฯ ก็มีแผนที่จะขยายนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มใน 2 พื้นที่ ได้แก่ นิคมฯที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งอยู่ในพื้นที่ อีอีซี มีพื้นที่ประมาณ 1 พันไร่ เหมาะกับการลงทุนในอุตสาหกรรม s-curve ที่รัฐบาลส่งเสริม และนิคมฯที่จังหวัดอุดรธานี มีพื้นที่ประมาณ 800 ไร่ เหมาะกับการลงทุนในอุตสาหกรรมอาหาร และเกษตรแปรรูป ซึ่งทั้ง 2 พื้นที่ บริษัทได้มีที่ดินพร้อมอยู่แล้ว หากสถานการณ์เศรษฐกิจดีขึ้นนักลงทุนให้ความสนใจ ก็พร้อมที่จะลงทุนได้ทันที

สำหรับคู่แข่งการลงทุนของไทย โดยเฉพาะประเทศเวียดนาม มองว่าในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ไทยยังมีความน่าสนใจมากกว่า เพราะมีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ดี มีระบบโลจิสติกส์ที่สะดวกกว่า และโรงงานที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ส่วนใหญ่จะใช้หุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติในการทำงานเกือบทั้งหมด ทำให้ไทยเสียเปรียบในเรื่องค่าแรงงานกับเวียดนามไม่มาก ซึ่งในขณะนี้เทคโนโลยีหุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติ บวกกับระบบ 5จี จะมีราคาถูกลงเรื่อย ๆ หากโรงงานใช้หุ่นยนต์ไทยก็แข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ได้ ในส่วนของสิทธิประโยชน์ส่งเสริมการลงทุนทั้งไทย และเวียดนาม ก็อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน