ภารกิจลากเรือขวาง ‘คลองสุเอซ’ ยังไม่มีแววสำเร็จ

ภารกิจลากเรือขวาง ‘คลองสุเอซ’ ยังไม่มีแววสำเร็จ

ปฏิบัติการลากเรือสินค้ายาว 400 เมตรที่ขวางคลองสุเอซได้เริ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อน้ำขึ้น ใช้เรือลากจูง 5 ลำพาลงน้ำลึก แต่บริษัทรับผิดชอบย้ายเรือยังไม่แน่ใจว่าจะเสร็จเมื่อใด

องค์การคลองสุเอซ (เอสซีเอ) แถลงว่า เรือสินค้า เอเวอร์กิฟเวน (Ever Given) เจอกระแสลมแรงและพายุทรายจนเสียการควบคุมไปเกยตื้นขวางทางน้ำคลองสุเอซเมื่อเช้าวันอังคาร (23 มี.ค.) ถึงขณะนี้ก็ยังขวางการสัญจรอยู่ทั้งขาขึ้นขาล่อง

ทั้งนี้ คลองสุเอซเป็นเส้นทางเดินเรือที่หนาแน่นมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก การขนส่งสินค้า น้ำมัน ข้าวและอื่นๆ ระหว่างเอเชียและยุโรปต้องผ่านเส้นทางนี้

ขณะที่ โชเอ ไคเซ็น บริษัทญี่ปุ่นเจ้าของเรือบรรทุกสินค้าเอเวอร์กิฟเวน ออกแถลงการณ์ขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้นและระบุว่ากำลังหาทางแก้ปัญหาอยู่

"บริษัทรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ทำให้เกิดปัญหาครั้งใหญ่ การเคลื่อนย้ายเรือให้หลุดจากการเกยตื้นเป็นเรื่องยากมาก ๆ แต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือไม่มีน้ำมันรั่วไหลออกมาเมื่อเรือเกยตื้น"

โชเอ ไคเซ็น ระบุว่า ลูกเรือทั้ง 25 คน ซึ่งเปีนคนสัญชาติอินเดียทั้งหมดปลอดภัยดี

ทั้งนี้ เรือเอเวอร์กิฟเวนลำนี้ บริหารโดยบริษัทเอเวอร์กรีน (EverGreen) ของไต้หวันและถือธงปานามา บรรทุกสินค้าอุปโภคบริโภคและมุ่งหน้าไปยังตลาดในทวีปยุโรป โดยสินค้าบรรจุอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ขนาดมาตรฐาน 20,000 ตู้

นายปีเตอร์ เบอร์ดาวสกี ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัทบอสคาลิสของเนเธอร์แลนด์ ซึ่งรับผิดชอบลากเรือ เผยกับรายการ Nieuwsuur ทางสถานีโทรทัศน์เนเธอร์แลนด์ว่า ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน อาจนานหลายสัปดาห์ก็ได้แล้วแต่สถานการณ์

นายเบอร์ดาวสกีเล่าว่า หัวเรือและท้ายเรือเกยอยู่บนสองฝั่งคลอง “เหมือนกับวาฬตัวมหึมาเกยตื้น น้ำหนักมหาศาลกดลงบนทราย เราอาจต้องทำทั้งย้ายตู้คอนเทนเนอร์ น้ำมันและน้ำออกจากเรือเพื่อลดน้ำหนัก พร้อมๆ กับลากเรือและขุดรอกทราย”

เบิร์นฮาร์ด ชูลต์ ชิปแมเนจเมนท์ (บีเอสเอ็ม) ผู้ดูแลด้านเทคนิคของเรือเอเวอร์กิฟเวน กล่าวว่า กำลังใช้เรือขุดตักทรายและโคลนรอบเรือ พร้อมกันนั้นก็ใช้เรือลากและกว้านเรือเอเวอร์กิฟเวนเพื่อเคลื่อนเรือ

บริษัทบริการทางทะเล “จีเอซี” แจ้งลูกค้าเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า ความพยายามใช้เรือขุดย้ายเรือเอเวอร์กิฟเวนยังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่กระแสลมและขนาดอันมหึมาของเรือทำให้ปฏิบัติการเป็นไปอย่างยากลำบาก

ข้อมูลจากซอฟต์แวร์ติดตามเรือชี้ว่า รอบเรือเอเวอร์กิฟเวนมีเรือลากอยู่ 5 ลำ และกำลังมุ่งหน้าเข้าไปเพิ่มอีก 3 ลำ สัญญาณจีพีเอสบนเรือบอกว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาเรือเขยื้อนไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เรือหลายสิบลำ ทั้งเรือสินค้าขนาดใหญ่ เรือบรรทุกน้ำมันและก๊าซ เรือบรรทุกข้าวต้องจอดรออยู่ตรงปลายคลองทั้งสองด้าน ส่อแววว่าการขนส่งสินค้าจะติดขัดครั้งใหญ่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายปี

คลองสุเอซยาว 193 กิโลเมตร แต่ละวันมีตู้คอนเทนเนอร์สัญจรผ่านราว 30% ของทั้งโลก คิดเป็นราว 12% ของการค้าสินค้าทั่วโลก

ผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งทางเรือกล่าวว่า ถ้ายังย้ายเรือไม่ได้ภายใน 24-48 ชั่วโมงข้างหน้า บริษัทชิปปิงบางรายอาจต้องสั่งให้เรือหันหัวกลับไปอ้อมปลายแหลมด้านใต้ของทวีปแอฟริกา ซึ่งต้องเสียเวลาเดินทางนานขึ้นอีกราว 1 สัปดาห์

ด้านบริษัทที่ปรึกษาวู้ด แม็คเคนซี กล่าวว่า ผลกระทบหนักสุดตกอยู่กับการขนส่งสินค้า รวมถึงเรือบรรทุกน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมัน 16 ลำที่มีกำหนดแล่นผ่านเส้นทางนี้ที่ตอนนี้ต้องล่าช้าออกไป บรรทุกน้ำมันดิบ 870,000 ตัน และผลิตภัณฑ์น้ำมัน อาทิ น้ำมันเบนซิน ดีเซล และแนฟทาอีก 670,000 ตัน