ดุสิตโพล ชี้ คนไทยเครียด 'ตกงาน' ช่วงโควิด-19 ระบาด แนะรัฐเร่งแก้

ดุสิตโพล ชี้ คนไทยเครียด 'ตกงาน' ช่วงโควิด-19 ระบาด แนะรัฐเร่งแก้

ดุสิตโพล เผย คนไทย 65.94% เครียดจากการ "ตกงาน" ช่วงโควิด-19 ระบาด ระบุเรื่องสุขภาพเพิ่มขึ้น เงินเก็บน้อยลง เป็นหนี้ แนะสร้างอาชีพเสริมให้กับประชาชน

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจ เรื่อง ตกงาน ปัญหาใหญ่! ของคนไทย ณ วันนี้ โดยสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,155 คน กรณีการตกงานในช่วงโควิด-19 เป็นปัญหาใหญ่ที่หลายฝ่ายให้ความสำคัญ เพราะการตกงานนั้นกระทบต่อการดำเนินชีวิต ปัญหาทางการเงิน ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ปัญหาครอบครัว รวมถึงกระทบต่อภาพเศรษฐกิจใหญ่ของประเทศอีกด้วย พบว่า สถานการณ์การเงินของ ประชาชนตั้งแต่มีโควิด-19 ร้อยละ 38.65 ระบุ ใช้จ่ายเรื่องสุขภาพเพิ่มขึ้น, ร้อยละ 22.49 หนี้บัตรเครดิต,ร้อยละ 47.10 เงินออมลดลง

ขณะที่ ประชาชนร้อยละ 65.94 เกิดความเครียด วิตกกังลกับ สถานการณ์ “ตกงาน” ของคนไทย ณ วันนี้, ร้อยละ 61.51 มองมีผลมาจากปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำที่สะสมมานาน, ร้อยละ 60.30 ก่อให้เกิด ปัญหาอาชญากรรม โจร ขโมย เพิ่มมากขึ้น และ ร้อยละ 59.25 การระบาดของโควิด-19 ทำให้คนตกงาน

นอกจากนี้ ร้อยละ 56.66 อยากให้รัฐบาลแก้ปัญหาโดยให้มีการฝึกอาชีพ สร้างอาชีพเสริมให้กับประชาชน, ร้อยละ 49.52 จ่ายเงินชดเชยช่วยเหลือเยียวยาอย่างรวดเร็วไม่ยุ่งยาก, ร้อยละ 48.39 สนับสนุนให้แรงงานพัฒนาทักษะต่างๆ เพิ่มขึ้น และ ร้อยละ 47.08 ช่วยสร้างงานในท้องถิ่น/บ้านเกิด

161629571498

นางสาวพรพรรณ บัวทอง นักวิจัย สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังมีโควิด-19 ตัวเลขการตกงานของคนไทยก็ไม่ได้อยู่ในสภาวะที่สบายใจได้เท่าใดนัก เมื่อโควิด-19 เข้ามาจึงเป็นเหมือนตัวเร่งให้ยอดคนตกงานพุ่งสูงขึ้น แรงงานอีกหลายส่วนก็ยังอยู่ในสถานะที่ไม่รู้ว่าจะยื้อไปได้อีกนานแค่ไหน ปัญหาตกงานจึงเป็นปัญหาใหญ่ของคนไทย ณ วันนี้ และควรจะต้องเป็นปัญหาใหญ่ของรัฐบาลด้วยเช่นกัน เพราะหากมุ่งแก้เฉพาะปัญหาการเมือง สุดท้ายแล้วเศรษฐกิจไทยจะหลับลึกและไม่ตื่นก็เป็นได้

ผศ.ดร.ประศาสน์ นิยม อาจารย์ประจำหลักสูตรเศรษฐศาสตรบัณฑิต คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า ในปี 2563 อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยลดลงถึงร้อยละ 6.6 อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ติดลบ ร้อยละ 0.9 เป็นผลมาจากการที่ประชาชนมีรายได้ ชั่วโมงการทำงาน และค่าล่วงเวลาลดลง จำเป็นต้องใช้เงินออมเพื่อใช้จ่ายเกี่ยวกับอุปกรณ์ป้องกันโรคระบาด มีการก่อหนี้บัตรเครดิตมากขึ้น จากข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐแสดงให้เห็นว่า คนไทยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 14 ล้านคน มีรายได้ไม่เกิน 2,500 บาทต่อเดือน รวมทั้งคนไทยที่มียอดเงินฝากไม่เกิน 50,000 บาท สูงถึงร้อยละ 86.6 ของจำนวนบัญชีเงินฝากทั้งหมด สิ่งเหล่านี้ล้วนบ่งชี้ให้เห็นถึงระดับรายได้และเงินออมของคนไทยส่วนใหญ่ต่ำมาก ปัจจุบันมีผู้ว่างงานจำนวน 650,000 คน คิดเป็นร้อยละ 1.69 ของกำลังแรงงานมีแนวโน้มสูงขึ้นกว่าปีก่อน ดังนั้น ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจและภาคประชาชนจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องสร้างงานและพัฒนาทักษะใหม่ เช่น การพัฒนาระบบ อี-คอมเมิร์ซ และระบบโลจิสติกส์ที่เป็นของคนไทย การส่งเสริมการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า มอเตอร์ และแบตเตอรี่ การเกษตรปลอดภัยและอาหารสุขภาพ โดรนทางการเกษตร การติดตั้งโซล่าเซลล์ทั้งภาคในเมืองและภาคการเกษตร เป็นต้น