กัญชา-ผลไม้-ประมง พลิกโฉมเกษตรตะวันออก

กัญชา-ผลไม้-ประมง  พลิกโฉมเกษตรตะวันออก

“เกษตรฯ” เร่ง พลิกโฉมภาคตะวันออก สั่ง AIC 5 จังหวัด เดินหน้าสร้างอุตสาหกรรมเกษตรอาหาร โมเดลซิลิคอนวัลเลย์เน้นเทคโนโลยีเกษตร วางกลยุทธ์ โลจิสติกส์เกษตรระบบรางเปิดประตูตะวันออกสู่อินโดจีนและตลาดโลก

ภาคตะวันออกเป็นแหล่งเกษตรสำคัญของประเทศ โดยมีพืชเศรษฐกิจสำคัญ คือ ผลไม้ ยางพารา และกำลังมีการพัฒนาพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ คือ “กัญชา” ซึ่งภาครัฐเดินหน้าสร้างอุตสาหกรรมเกษตรอาหาร โดยใช้เทคโนโลยีเกษตรและการเชื่อมโลจิสติกส์เกษตรสู่อินโดจีนและตลาดโลก

อลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AIC) เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินการขับเคลื่อนศูนย์นวัตกรรมเกษตรและเทคโนโลยี (AIC) ในพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 9 ใน 5 จังหวัด ประกอบด้วย จันทบุรี ตราด นครนายก ปราจีนบุรีและ สระแก้ว 

ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะได้นำไปพิจารณาต่อยอดและดำเนินการ Business matching การสนับสนุนทุนวิจัยและนำเข้าสู่ Innovation Catalog เพื่อใช้ขับเคลื่อนการพัฒนาการเกษตรต่อไป โดยมีการรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและผลงานของ AIC ทั้ง 5 ศูนย์ ที่มีความโดเด่น เหมาะสมที่จะผลักดันพัฒนาและแก้ปัญหาภาคการเกษตรในพื้นที่  ประกอบด้วย

1.การพัฒนาการผลิตอากาศยานไร้คนขับ ของศูนย์ AIC จันทบุรีที่ผลิตขึ้นใช้เองภายในประเทศ (Made In Thailand) เพื่อใช้ในการเกษตรกรรมแม่นยำ (Precious Agriculture) และสนับสนุนการเป็น Silicon valley เมืองหลวงแห่งผลไม้ การแปรรูปผลไม้ของมหาวิทยาลัยราชมงคลตะวันออก โมเดลการถ่ายทอดเทคโนโลยีเกษตรสู่ฟาร์มเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ องครักษ์ของศูนย์ AIC นครนายก

161613591717

2.การพัฒนาระบบฟาร์มอัจฉริยะ (Smart Farming) ของวิทยาลัยชุมชนซึ่งเป็นศูนย์ AIC จังหวัดตราด 

3.การพัฒนาพันธุ์กุ้งก้ามกรามกุ้งขาว ของมหาวิทยาลัยบูรพาตอบโจทย์ประมงเพาะเลี้ยง และอุตสาหกรรมอาหารการพัฒนาผลิตภัณฑ์ “กัญซ่า” เครื่องดื่มแนวใหม่ (Functional drink) จากกัญชาของศูนย์ AIC ปราจีนบุรี โดยประสานความร่วมมือกับโรงพยาบาล เจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ต่อไปเพื่อชูจุดเด่น “ปราจีนบุรีเมืองแห่งสมุนไพร”

สำหรับคณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กรกอ.) ได้เห็นชอบในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเกษตรอาหารทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงและตอบโจทย์ตลอดห่วงโซ่ของผลผลิตการเกษตร โดยขณะนี้ได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร (Food & Agro industry promotion subcommittee) และคณะอนุกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ระดับภาค 5 ภาคภายใต้ 2 โครงการหลัก คือ

1.โครงการ 1 กลุ่มจังหวัด 1 นิคมอุตสาหกรรมเกษตรอาหารใน 18 กลุ่มจังหวัด เพื่อกระจายการลงทุนอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารเพิ่มการแปรรูปสร้างมูลค่าสินค้าเกษตรครอบคลุมทุกจังหวัดทุกกลุ่มจังหวัดตามศักยภาพและอัตลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ 

2.โครงการเกษตรอัจฉริยะเกษตรแม่นยำ 2 ล้านไร่ โดยใช้เทคโนโลยีและเกษตรแปลงใหญ่เป็นแกนขับเคลื่อนร่วมกับกิจการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ (Big Brothers)

โดยในเขตกลุ่มจังหวัดนี้มีศักยภาพสูงมากในการพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรผลไม้ สมุนไพร ประมง พืชอนาคต กัญชงกัญชา เครื่องจักรกลเกษตรเป็นต้น โดยมีต้นแบบจากเขตอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปครบวงจรในจังหวัดชลบุรีและในเขตพัฒนาพิเศษตะวันออก หรือ EEC

นอกจากนี้ ได้มีการมอบหมายให้คณะ กรกอ.ภาคตะวันออกขับเคลื่อนโครงการสร้างนิคมอุตสาหกรรม เขตผู้ประกอบการอุตสาหกรรมหรือเขตชุมชนอุตสาหกรรมนับเป็นเขตอุตสาหกรรมอาหารเป็นโซนที่ 9 ซึ่ง AIC จันทบุรีสนใจที่จะพัฒนาซิลิคอนวัลเลย์ ผลไม้ภายใต้คอนเซ็ปท์ “มหานครผลไม้” ในรูปแบบเดียวกับที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดดำเนินการสร้างซิลิคอนวัลเลย์แห่งเทคโนโลยีในมลรัฐแคลิฟอเนีย ประเทศสหรัฐ

“การพัฒนากลุ่มจังหวัดนี้จะต้องผนึกศักยภาพกับทางอีอีซี 3 จังหวัด บวกกับจังหวัดภาคตะวันออก 5 จังหวัดตามแผนพัฒนาเชื่อมโยงภาคการเกษตรโดยใช้ศักยภาพ การเป็นประตูเศรษฐกิจสู่ตลาดอินโดจีนได้แก่กัมพูชา ลาวและ เวียดนามที่มีตลาดรองรับ ด้วยประชากรกว่า 120 ล้านคนซึ่งอยู่ติดพรมแดนภาคตะวันออก คือ จันทบุรี ตราดและสระแก้ว”

พร้อมทั้งเชื่อมภาคตะวันออก-เชื่อมโลกด้วยเส้นทางโลจิสติกส์การขนส่งสินค้าไปทุกมณฑลในจีน และผ่านจีนสู่ภูมิภาคเอเซีย ยุโรป และรัสเซียด้วยระบบราง โดยมีการขนส่งผ่านด่านโมฮ่านเส้นทาง ไทย-ลาว-จีน และผ่านด่านผิงเสียงบนเส้นทาง ไทย-ลาว-เวียดนาม 

ทั้งนี้ จะเป็นระบบการขนส่งใหม่รับมือมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดในประเทศที่ต้องขนส่งสินค้าผ่านและในประเทศคู่ค้า แนวทางทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของ “5 ยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคเกษตรกรรม” ของ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาภาคตะวันออกสู่มิติใหม่ๆ อย่างเต็มรูปแบบ

นอกจากนี้ ภาครัฐได้มีการขับเคลื่อน โครงการระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก หรือ EFC ซึ่งจะมีการขับเคลื่อนห้องเย็นทันสมัย เพื่อให้ผลไม้ไทยขายตรงสู่ตลาด และเกษตรกรรายได้ไม่ขาดมือ โดยเป็นโครงการหลักของแผนพัฒนาภาคเกษตรใน EEC ซึ่งเมื่อวันที่ 25 ม.ค.2564 ได้มีการลงนามความร่วมมือจัดทำระบบห้องเย็น ระหว่างบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)

โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง เตรียมจัดทำระบบสมาชิกชาวสวนผลไม้และกลุ่มสหกรณ์ที่พร้อมเข้าร่วมโครงการ โดยระยะแรกจะคัดเลือกจากกลุ่มชาวสวนทุเรียนที่ได้รับมาตรฐานสากลสำหรับส่งออก (GAP) ในเบื้องต้นโครงการ EFC ตั้งเป้าสร้างรายได้ให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้น 20-30%