กทม. ฉีดวัคซีนวันแรกราบรื่นทุกหน่วยพร้อมบริการ

กทม. ฉีดวัคซีนวันแรกราบรื่นทุกหน่วยพร้อมบริการ

กทม. ฉีดวัคซีนวันแรกราบรื่นทุกหน่วยพร้อมบริการ มั่นใจ รพ.สังกัดกทม. และ รพ.เอกชน 13 แห่ง พร้อมเกือบ 100% ทั้งนี้ วัคซีนโควิด-19 ที่กทม.ได้รับจากรัฐบาลในระยะแรก มีจำนวน 66,000 โดส/เข็ม ของบริษัท SINOVAC สามารถฉีดให้ประชาชนได้จำนวน 33,000 คน

(1 มี.ค. 64) พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) กรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 2/2564 โดยมีคณะอนุกรรมการทั้งหน่วยงานในสังกัดกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานต่างสังกัด อาทิ ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนโรงพยาบาลสังกัดกองทัพ ผู้แทนโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย ผู้แทนโรงพยาบาลเอกชน และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า)

ที่ประชุมได้กล่าวถึงความพร้อมของการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งวันนี้เป็นวันแรกที่กรุงเทพมหานครกำหนดให้บริการฉีดวัคซีนแก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน ในพื้นที่เขตติดต่อกับจังหวัดสมุทรสาครซึ่งเป็นเขตที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่จำนวนมาก จำนวน 6 เขต ได้แก่ เขตบางขุนเทียน เขตบางบอน เขตหนองแขม เขตจอมทอง เขตบางแค และเขตภาษีเจริญ โดยจากการตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของผู้บริหารกรุงเทพมหานครเช้าวันนี้ (1 มี.ค. 64) มั่นใจว่าโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร และโรงพยาบาลเอกชน 13 แห่ง ที่ร่วมให้บริการฉีดวัคซีน มีความพร้อมเกือบ 100 % แต่เนื่องจากเป็นวันแรกของการดำเนินงานจึงอาจมีอุปสรรคข้อขัดข้องบ้างเล็กน้อย ซึ่งจะสามารถแก้ไขได้ในเร็ววันนี้

สำหรับ วัคซีนโควิด-19 ที่กรุงเทพมหานคร ได้รับจากรัฐบาลในระยะแรก มีจำนวน 66,000 โดส/เข็ม เป็นวัคซีนของบริษัท SINOVAC สามารถฉีดให้ประชาชนได้จำนวน 33,000 คน เนื่องจาก ต้องฉีดวัคซีนคนละ 2 โดสหรือ 2 เข็ม ในระยะเวลาห่างกันประมาณ 3 สัปดาห์ โดยกลุ่มเป้าหมายการให้วัคซีนโควิด-19 ระยะแรก ได้แก่ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน กำหนดให้วัคซีนในสัปดาห์แรก เพื่อเฝ้าสังเกตอาการหากมีอาการไม่พึงประสงค์และสามารถให้การดูแลได้อย่างทันท่วงที จากนั้นสัปดาห์ที่ 2 จะฉีดวัคซีนให้แก่ อาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด-19 ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ด้านการพยาบาลพอสมควร ซึ่งหากเกิดอาการไม่พึงประสงค์จะสามารถดูแลตนเองได้ในระดับหนึ่ง

โดยกลุ่มสุดท้ายที่จะได้รับวัคซีนในระยะแรก ได้แก่ กลุ่มผู้ป่วยเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค ประกอบด้วย 1.โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง 2.โรคหัวใจและหลอดเลือด 3.โรคหลอดเลือดสมอง 4.โรคไตเรื้อรัง 5.โรคมะเร็งทุกชนิด ที่อยู่ระหว่างเคมีบำบัด รังสีบำบัดและภูมิคุ้มกันบำบัด 6.โรคเบาหวาน 7.โรคอ้วน และประชาชนทั่วไปและแรงงาน (อายุ 18-59 ปี) โดยข้อจำกัดหรือข้อห้ามของบุคคลที่ไม่สามารถรับการฉีดวัคซีน SINOVAC ได้แก่ ห้ามฉีดแก่บุคคลที่ 1. มีอายุต่ำกว่า 18 ปี และอายุมากกว่า 60 ปี 2. หญิงตั้งครรภ์ อยู่ระหว่างให้นมบุตรหรือหญิงที่วางแผนที่จะตั้งครรภ์ภายในระยะเวลาการฉีดวัคซีน 3. ผู้ที่เคยได้รับการถ่ายเลือด พลาสมา ผลิตภัณฑ์จากเลือด ส่วนประกอบของเลือด อิมมูโนโกลบุลิน ยาต้านไวรัส หรือแอนติบอดีสำหรับการรักษาโควิด-19 ภายใน 90 วันที่ผ่านมา

4. ผู้ที่มีอาการไม่คงที่ ไม่สามารถควบคุมอาการของโรคได้ เช่น เจ็บแน่นหน้าอก หอบเหนื่อย ใจสั่น 5. ผู้ที่มีอาการเกี่ยวกับสมองหรือระบบประสาทอื่นๆ 6.ตรวจพบเชื้อโควิด 19 ในช่วง 10 วันที่ผ่านมา 7. มีอาการเจ็บป่วยเฉียบพลัน หรือนอนรักษาตัวและออกจากโรงพยาบาลไม่เกิน 14 วัน 8. มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือได้รับยากดภูมิคุ้มกัน 9.มีภาวะเลือดออกง่ายหรือหยุดยาก เกร็ดเลือดต่ำการแข็งตัวของเลือดผิดปกติหรือได้รับยาต้านการแข็งตัวของเลือด 10. กำลังมีอาการป่วย เช่น มีไข้ หนาวสั่น หายใจลำบาก อ่อนเพลียกล้ามเนื้อ


อย่างไรก็ตามผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วขอให้สังเกตอาการตนเอง หากมีอาการ เช่น ไม่มีแรง แขนขาอ่อนแรงเฉียบพลัน มีไข้ หรือปวดศีรษะ ปวดบวมแดงร้อนบริเวณที่ฉีดวัคซีน ปวดเมื่อย อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน แน่นหน้าอก มีผื่นลมพิษ หรือมีอาการอื่น ๆ เช่น ท้องเสียไม่ทราบสาเหตุ ให้รีบพบแพทย์ ณ สถานพยาบาลใกล้บ้าน หรือโทรปรึกษาสายด่วนกรมควบคุมโรค1422 เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อไป