‘WHA’กำไรปี63 ลดลง21.8%

‘ดับบลิวเอชเอ’ ปี2563 รายได้รวม9.40พันล้านบาทลดลง29.7% และกำไรสุทธิ 2.52พันล้านบาท ลดลง21.8% เหตุผลกระทบโควิด-19 รายได้ธุรกิจที่ดินและขายอสังหาฯ รวมถึงผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน

บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ WHA แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท. ) ว่า ผลการดำเนินงานปี2563 มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไร และกำไรสุทธิสำหรับปี 2563 เท่ากับ 9,406.6 ล้านบาท ลดลง29.7% และ 2,523.7 ล้านบาท ลดลง 21.8% จากปี2562

ประกอบด้วยผลประกอบการปกติ และผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลกำไร/ขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้น (Unrealized Gain/Loss)

ขณะท่ีรายได้ค่าเช่าและค่าบริการจากการดำเนินงาน (Normalized Rental Revenue) สำหรับปี 2563 เพิ่มขึ้น 23.0% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปี 2562 เป็น 1,157.1 ล้านบาท จากการให้เช่าพื้นที่อาคารที่เพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของธุรกิจโลจิสติกส์ และในนิคมอุตสาหกรรม รายได้จากกาขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนปกติเพิ่มขึ้น 32.1% ช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 เป็น 2,048.1ล้านบาท เนื่องจากใน 2563 มีการขายสินทรัพย์เข้ากอง WHART และ HREI เทียบกับปี 2562 ที่มีการขายสินทรัพย์เข้ากอง WHART อย่างเดียว

สำหรับปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจที่ดินและการขายอสังหาริมทรัพย์ เท่ากับ 1,883.9 ล้านบาท ลดลง46.3%เมื่อเทียบกับปี 2562 สาเหตุหลักเกิดจากการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศชั่วคราว จากสถานการณ์COVID-19ซึ่งส่งผลให้ลูกค้าไม่สามารถเดินทางมาดำเนินการโอนที่ดินได้ จึงทำให้ยอดขายและการโอนที่ดินมีการเลื่อนออกไปนักลงทุนต่างชาติยังคงแสดงความสนใจเข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะมีกระแสที่จะย้ายการลงทุนออกจากประเทศจีนของกลุ่มนักลงทุนชาวจีน ญี่ปุ่น และอเมริกา ออกมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น และประเทศไทยยังมีศักยภาพและความแข็งแกร่งในฐานะศูนย์กลางการผลิตของภูมิภาค และจุดแข็ของกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอฯ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าทั้งในประเทศ และต่างประเทศได้เป็นอย่างดี โดยในปีนี้ มีการบันทึกรายได้สิทธิการใช้ทาง(right of ways) จำนวน396.9 ล้านบาท

รายได้จากการขายและให้บริการระบบสาธารณูปโภคในปี 2563 ลดลง 9.5% เมื่อเทียบกับปี 2562 เป็นผลมาจากปริมาณการขายและบริการน้ำในประเทศที่ลดลงประมาณ 10.0% อันเนื่องมาจากสถานการณ์ภัยแล้งและ COVID-19

ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมในธุรกิจไฟฟ้าจากการดำเนินงาน (Normalized Share of Proft from Investments in Power Associates) สำหรับปี 2563 เท่ากับ 940.4 ล้านบาท ลดลง 32.0% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

โดยมีสาเหตุหลักจากการลดลงของค่า AP ของโรงไฟฟ้า Gheco-1 ที่เป็นไปตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าและการลดลงของราคาถ่านหิน การเพิ่มขึ้นของใช้จ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคล รวมถึงการปิดซ่อมบำรุงรักษาของโรงไฟฟ้า SPPจำนวน 4 โรงในปี 2563 ต้นทุนทางการเงิน เพิ่มขึ้นเป็น 1,112.3 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 12.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนเป็นผลมาจากผลกระทบทางบัญชีจากการไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนด ซึ่งหากไม่รวมผลกระทบดังกล่าวจะเพิ่มขึ้น 1.8%