วัคซีนโควิด ดัน ‘หุ้นท่องเที่ยว’พุ่ง

วัคซีนโควิด ดัน ‘หุ้นท่องเที่ยว’พุ่ง

หุ้นท่องเที่ยวเด้งรับ‘วัคซีน’ ดันดัชนีรีบาวด์23จุด- ฝรั่งพลิกซื้อสุทธิ โบรกคาดกำไรไตรมาส2/64ฟื้นตัวแรง หวังต่างชาติกลับเที่ยวไทยครึ่งปีหลัง

ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (23ก.พ.)ค่อยๆปรับตัวขึ้นก่อนทำจุดสูงสุดของวันที่ 1,506.94 จุด เพิ่มขึ้น 28.80 จุด ก่อนที่จะกลับมาปิดตลาดที่ระดับ 1,500.61 จุด เพิ่มขึ้น 22.47จุด หรือ 1.52% มูลค่าการซื้อขาย 86,126.12 ล้านบาท รับข่าววัคซีนโควิด-19 ที่จะถึงไทยในวันที่ 24 ก.พ. และจะเริ่มกระจายการฉีดวัคซีนต่อไป ทำให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม การบริโภคและอุปโภคในประเทศ จากคาดหวังผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวตัว รวมถึงราคาน้ำดิบที่เพิ่มขึ้นหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี

นักลงทุนต่างประเทศพลิกกลับมาซื้อสุทธิ 1,577.52 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 28.38 ล้านบาท บัญชีหลักทรัพย์ขายสุทธิ 504.83 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศขายสุทธิ 1,101.07 ล้านบาท

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นแรง ซึ่งนำโดยหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวกับท่องเที่ยว และหุ้นที่มีการเติบโตจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ(Domestic Play) จากที่วัคซีนโควิด-19จะถึงไทยวันนี้ และจะมีการกระจายฉีดให้กับประชาชนต่อไป ขณะที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)และกทม.มีการผ่อนคลายมาตรการควบคุม ซึ่งเป็นผลดีกับกลุ่มดังกล่าว

161412571792

ดังนั้นคาดว่าหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและDomestic Play จะมีผลการดำเนินงานในไตรมาส 2ปี 2564 จะฟื้นตัวแรง จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีการล็อกดาวน์ในช่วงเดือนมี.ค.-พ.ค.2563 และคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังนักท่องเที่ยวจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้

รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น3.8% ส่งผลดีทำให้กลุ่มพลังงานปรับตัวดีขึ้น และยังเป็นการฟื้นตัวจากวันที่ 22 ก.พ. 2564 ที่ปรับตัวลงแรงเกินไปจากความกังวลบอน์ดยิลด์สหรัฐ 10 ปีที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตามจากประเด็นวัคซีนเชื่อว่าจะทำให้มีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและDomestic Play ต่อเนื่อง แต่ประเด็นต้องติดตามคือการให้ถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ต่อ สภาคองเกรส ในวันนี้ ถึงทางเศรษฐกิจและแนวโน้มนโยบายการเงิน ซึ่งหากจะมีการลด QE หรือมีแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยก็จะเป็นปัจจัยลบการลงทุน

ทั้งนี้หากยังคงดำเนินนโยบายการเงินจะส่งผลดีต่อตลาดทุน โดยมองแนวรับที่ระดับ 1,486-1,493 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ระดับ 1,507 จุด เพราะยังมีประเด็นMSCI ที่จะมีการลดน้ำหนักหุ้นไทยที่จะมีผลในวันที่ 25 ก.พ.นี้ รวมถึงในวันที่ 19 มี.ค.ฟุตซี่จะมีการปรับลดน้ำหนักหุ้นไทย ก็จะกดดันให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยเดือนหน้าแกว่งตัว โดยมองแนวต้านที่ระดับ 1,530-1,550 จุด แนวรับที่ระดับ 1,450-1,470 จุด

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล. เอเชียพลัส กล่าวว่า ปรับตัวขึ้นจากการควบคุมโควิด-19 ได้ดีทั้งในและนอกประเทศ และคาดหวังวัคซีนโควิด-19 ที่จะเข้ามาในไทยวันนี้ รวมถึงผลประกอบการไตรมาส 4 ของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ออกมาดีกว่าที่คาด โดยเฉพาะกำไรไตรมาส 4 ปี 2563ที่ประกาศออกมาแล้วใกล้แตะ 2 แสนล้านบาท ดีกว่าที่บริษัทคาดไว้ที่ ่ 1.67 แสนล้านบาท

ดังนั้นตลาดปรับขึ้นรอบนี้มีหลากหลายธีม จะพบว่า กลุ่มหุ้นที่ปรับตัวขึ้นนอกจากธีมคอมมูนิตี้แล้ว ยังเป็นธีมหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการผ่อนคลายมาตรการคุมโควิด -19และการเปิดเมือง เช่น กลุ่มท่องเที่ยว ค้าปลีก ศูนย์สินค้า โรงพยาบาล รวมถึงธีมหุ้น new s-curve อย่างเช่น ผลิตภัณฑ์นำเอากัญชงมาใช้ประโยชน์ ยังได้รับความสนใจลงทุน

อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวหลังจากพักฐานระยะสั้น คาดว่ายังมีแรงหนุนจากกระแสเงินทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) น่าจะเริ่มไหลกลับเข้ามาได้ตั้งเดือนมี.ค.เป็นต้นไปได้ โดยเราแนะนำทยอยซื้อหุ้นเข้าพอร์ต เน้นหุ้นรายตัวที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวเศรษฐกิจและเปิดเมืองได้แก่ M, MINT CPN และ PTT มองแนวรับที่ 1,480 จุด และแนวต้านแรก ที่ 1,525 จุด และถัดไปที่ 1,550 จุด

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการอาวุโสและนักกลยุทธ์ บล. ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย)กล่าวว่า มุมมองแนวโน้มหุ้นไทยหลังจากนี้ ยังอยู่ในภาวะก่ำกึ่ง โดยก่อนหน้านี้ได้หลุดแนวรับ 1,490 จุด และจะมีแนวรับที่ 1,470 จุด แต่วานนี้ดัชนีดีดกลับค่อนข้างแรงกว่าที่คาดไว้และขึ้นแรงกว่าตลาดในภูมิภาค โดยดัชนีปรับตัว ขึ้นมาทดสอบที่ระดับ 1,500 จุดอีกครั้ง และภาพที่จะทำให้ตลาดกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง ดัชนีจะต้องปรับขึ้นทะลุแนวต้าน 1,530 จุด เท่านั้น โดยต้องรอแรงหนุนจากกำไรบจ.

ดังนั้นภาพในระยะสั้นจะยังเป็นการแกว่งตัวเคลื่อนไหวที่ระดับ 1,470-1,530 จุด ขณะที่การปรับฐานจะไม่ลงไปลึกมากกว่านี้ ด้วยกลยุทธ์การลงทุนหากดัชนีต่ำกว่า 1,500จุดหรือต่ำถึงระดับ 1,400 จุด เป็นจุดที่นักลงทุนสามารถทยอยเข้าซื้อได้แล้ว