ทำไมต้อง'นอกใจ' ?

ทำไมต้อง'นอกใจ' ?

ปัจจัยแบบไหนทำให้หญิงและชายนอกใจกัน มีงานวิจัยหลายชิ้น อาทิ ผู้ชายที่ขาดความมั่นใจทางเพศ จะมีพฤติกรรมนอกใจมากกว่า จึงต้องบริหารเสน่ห์ หรือผู้หญิงที่เรียนสูงกว่ามีโอกาสเล่นหูเล่นตากับผู้ชายอื่นมากขึ้น รวมถึงความไม่สมดุลของกิจกรรมทางเพศ

คนเดี๋ยวนี้อยู่กันไม่ค่อยยืดนะครับ แต่งงานแล้วหย่ากันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา อัตราการหย่าร้างอยู่ที่ราวๆ 53 เปอร์เซ็นต์

ขณะที่สถิติท้อปๆ จะอยู่ในยุโรปซึ่งอาจสูงถึงเกือบ 2 ใน 3 ของคู่แต่งงานในบางประเทศ เช่น เบลารุต, ยูเครน และรัสเซีย  แปลว่าเห็นเดินสวนมา 3 คู่ ดูไว้ได้เลย อีกหน่อยจะเหลือเดินด้วยกันแค่คู่เดียว ! 

ประเทศเศรษฐกิจดี ค่าครองชีพสูงในเอเชีย ก็หย่ากันเพิ่มขึ้นทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ฮ่องกง, สิงคโปร์, เกาหลี หรือแม้แต่ญี่ปุ่น ส่วนการแต่งงานที่แต่งเมื่ออายุมากขึ้นเรื่อยๆ  แถมบางประเทศก็ไม่ค่อยแต่ง หรือแต่งก็ไม่ค่อยยอมมีลูก เช่น สิงคโปร์  

สำหรับเมืองไทยนั้น สำนักงานสถิติแห่งชาติระบุในปี 2014 ว่า  มีอัตรการหย่าร้างเพิ่มขึ้นถึง 27 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับเก้าปีก่อนหน้านั้น  

แน่นอนว่ามีปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการหย่าร้างอยู่มากมาย มีนักวิจัยหลายๆ ทีมที่พยายามหาข้อสรุปเกี่ยวกับต้นเหตุ หรือแรงจูงใจที่ทำให้คนเรานอกใจกัน จนหลายครั้งนำไปสู่การหย่าร้างในที่สุด  ตัวอย่างที่น่าสนใจ เช่น  ผู้ชายมีโอกาสเพิ่มสูงขึ้นมากที่จะนอกใจตอนที่ภรรยาตั้งครรภ์  

หากฝ่ายชายเป็นผู้หาเลี้ยงฝ่ายหญิง หรือแม้แต่มีรายได้ที่หาเข้าบ้านมากกว่าฝ่ายหญิง ก็มีแนวโน้มที่จะหาเศษหาเลยมากขึ้นไปด้วย  ตรงกันข้ามกับฝ่ายหญิงที่หากฝ่ายชายหาเงินเข้าบ้านคนเดียว  ฝ่ายหญิงจะมั่นคงในคู่สมรสมากกว่า  ไม่เพียงเท่านั้น ต่อให้ฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายหาเงินเข้าบ้านเป็นหลัก ฝ่ายชายก็นอกใจง่ายกว่าอีกเช่นกัน เอ๊ะ ทั้งขึ้นทั้งล่องเลยนะนี่  

แม้แต่ปัจจัยเล็กๆ น้อยๆ อย่างเที่ยวบินเลื่อนกำหนดออกเดินทางไป ก็ส่งผลให้ผู้ชายมีพฤติกรรมล่อกแล่กมากขึ้นด้วย  อ้อ พวกที่มีงานที่ต้องเดินทางบ่อยๆ ก็มีนิสัยเจ๊าะแจ๊ะเผื่อฟลุกมากตามไปด้วย  อันนี้คนไทยรู้ดีแต่โบราณจนมีคำว่า “รถไฟ เรือเมล์ ลิเก ตำรวจ” ไว้เตือนใจให้ระวัง แต่สมัยนี้การเดินทางสะดวกมากขึ้น คงไม่จำกัดแค่อาชีพเหล่านี้แล้วนะครับ   

ที่น่าสนใจคือ พวกผู้ชายที่ขาดความมั่นใจทางเพศ จะมีพฤติกรรมการนอกใจมากกว่า (Kristen P., 2011, Archives of Sexual Behavior) เรียกว่าขาดความมั่นใจจนต้องบริหารเสน่ห์ (แบบผิดๆ) กันเลยทีเดียว  

หากโฟกัสไปที่ฝ่ายผู้หญิงบ้าง ผู้หญิงที่เรียนสูง มีโอกาสในการนอกใจน้อยกว่า  แต่มีข้อควรระวังเหมือนกันคือ หากสองฝ่ายมีระดับการศึกษาต่างกันมาก หรือฝ่ายหญิงเรียนจบสูงกว่าก็มีโอกาสเล่นหูเล่นตากับผู้ชายอื่นมากขึ้น และมักจะเลือกกิ๊กเป็นคนที่มีการศึกษาสูงกว่าด้วย (Forste and Tanfer, 1996, U.S. National Study of Dating, Cohabiting, and Married Women)  

ฝ่ายหญิงเป็นเพศที่อิงกับอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าอยู่สักหน่อย  มีงานวิจัยที่พบว่าหากสัมพันธภาพทั่วๆ ไปกับคู่ปัจจุบันไม่ราบรื่น ผู้หญิงจะมีโอกาสนอกใจมากขึ้นเป็นเท่าตัว  

แต่หากมีความไม่สมดุลของกิจกรรมทางเพศร่วมด้วย  ตัวเลขโอกาสจะขยับเพิ่มขึ้นไปเป็น 3 เท่า  แหม่ อารมณ์ “เสน่หา” ส่งผลรุนแรงมากจริงๆ นะครับ   

ยังไม่หมดนะครับ  อายุก็มีส่วนสำคัญ กล่าวคือผู้หญิงเมื่ออายุเพิ่มขึ้น มีแนวโน้มจะนอกใจน้อยลง  สวนทางกับฝ่ายชายที่ยิ่งอายุเพิ่มมากขึ้น ก็ยิ่งมีนิสัยหมาหยอกไก่มากยิ่งขึ้น และดังที่ทราบกันคือ เป้าหมายก็มักจะเป็นเด็กสาวๆ  อย่างที่ชอบแซวกันว่า “วัวแก่ชอบกินหญ้าอ่อน”   

เหมือนกับเป็นปมยังไงก็ไม่รู้นะครับ

กรณีผู้หญิงนี่มีอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ  คือ จำนวนคนที่เจ้าหล่อนเคยมีอะไรด้วย ก็เป็นตัวชี้วัดความเสี่ยงได้ดีด้วย  กล่าวคือคนที่ยิ่งเคยมีคู่ขามากก็ยิ่งมีโอกาสเสี่ยงนอกใจคู่ตัวเองมากขึ้นไปด้วย 

ผู้ชายที่เสียงห้าวทุ้มและผู้หญิงที่เสียงหวาน ฟังดูผู้หญิ้งผู้หญิง  เป็นพวกที่มีโอกาสชะแว้บไปกับคนอื่นมากกว่า  เรื่องนี้เกี่ยวกับโดยตรงกับปริมาณฮอร์โมนเพศ (เทสโทสเทอโรนในชาย และเอสโทรเจนในหญิง) ในร่างกายนะครับ (Evolutionary Psychology, 2011, 64-78)

อำนาจก็มีส่วนนะครับ ไม่ว่าชายหรือหญิงที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงและมีอำนาจมาก ก็มีโอกาสจะนอกใจคู่ตัวเองมากตามไปด้วย กรณีท่านประธานกับเลขาฯ เลยมีให้ได้ยินกันบ่อยๆ 

โดยเฉลี่ยการนอกใจคู่ครองของฝ่ายหญิงเกิดขึ้นในปีที่ 7 ของการสมรส  ดังนั้นวลีของ The Seven Year Itch ของฝรั่งจึงไม่ได้เลื่อนลอยเสียทีเดียว  วลีดังกล่าวกลายเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางเมื่อใช้เป็นชื่อภาพยนตร์ปี 1955 ที่มีมาริลีน มอนโร ดาราสาวผู้มีเซ็กซ์แอพพีลสูงสุดๆ เป็นผู้แสดงนำ 

สถานที่พบคู่กิ๊กนั้นราวๆ ครึ่งหนึ่งก็ไม่ใช่ที่อื่นไกล คือในที่ทำงานนั่นเอง จึงไม่น่าแปลกใจอีกเหมือนกัน ที่อาจจะเคยได้ยินเรื่องแม่บ้านไปอาละวาดกิ๊กที่ออฟฟิศสามี สาเหตุก็มาจากมีเวลาและโอกาสมากนั่นเอง คนเดี๋ยวนี้ใช้เวลาในที่ทำงานเยอะจะตายไปนะครับ  

ครั้นเมื่อนักวิจัยไปสอบถามผู้ที่นอกใจคู่ตัวเองว่า  มีความสุขกับชีวิตแต่งงานมากน้อยเพียงใดหรือ จึงได้คิดนอกใจ ผู้ชายในกลุ่มนี้ 56 เปอร์เซ็นต์ บอกว่ามีความสุขดีหรือดีมาก

อ้าว...ก็สุขดีแล้ว แล้วพี่จะนอกใจคู่พี่ทำไมหว่า ตรงกันข้ามกับผู้หญิงที่นอกใจซึ่งมีน้อยกว่าคือ ราว 34 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้นที่ระบุว่า ชีวิตคู่ก็สุขดีหรือยังแฮปปี้สุดๆ  เอ๊ะ แต่นี่ก็ 1 ใน 3 แล้วนะครับ ไม่น้อยเลยจริงๆ  

เฮ้อ...น่ากลุ้ม ตรงที่ความสุขในครอบครัวไม่ได้ช่วยเหนี่ยวรั้งไม่ให้นอกใจได้เลย เฮ้อ 

งานวิจัยยังพบอีกว่า ข้ออ้างการมีกิ๊กข้อหนึ่งก็คือ  ผลจากความเครียดในชีวิตคู่ (75 เปอร์เซ็นต์  ของชายและ 65 เปอร์เซ็นต์  ผู้หญิงระบุเรื่องนี้ไว้)  

เอ้า ใครมีคู่อยู่ก็อย่าเพิ่มความเครียดให้กันนะครับ เดี๋ยวจะโสดโดยไม่รู้ตัว ว่าแต่จะรู้ตัวกันไหมละนั่นว่า ทำให้คู่ตัวเองเครียด ? สงสัยก็แต่ว่าเป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้นหรือเปล่าล่ะครับนี่ 

ส่วนใหญ่ที่กล่าวมาเป็นงานวิจัยในต่างประเทศ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าคนไทยเป็นแบบนี้หรือเปล่า แต่ก็ดูท่าไม่น่าจะต่างออกไปมากเท่าไหร่หรอกครับ  เพราะโดยพื้นฐานก็มาจากพฤติกรรมมนุษย์ที่ไม่ได้ควบคุมให้ดี ซึ่งเหมือนกันทั้งโลกนั่นแหละครับ !