‘ก้าวไกล’ ซัด ‘บิ๊กตู่’ ฉ้อฉล-ทุจริตงบกลาโหม กว่าพันล้าน กิน‘กางเกงใน-เครื่องมือช่าง’

‘ก้าวไกล’ ซัด ‘บิ๊กตู่’ ฉ้อฉล-ทุจริตงบกลาโหม กว่าพันล้าน กิน‘กางเกงใน-เครื่องมือช่าง’

‘ก้าวไกล’ ชี้ ‘พล.อ.ประยุทธ์’ ล้มเหลว-ไม่จริงใจ ‘ปฏิรูปกองทัพ’ ใช้ที่ราชพัสดุไร้ประสิทธิภาพ-หาประโยชน์ -ใช้งบสุรุ่ยสุร่าย ทุจริตจัดซื้อจัดจ้างกว่าพันล้าน ทั้งโครงการซื้อชุดลำลองทหารเกณฑ์ 7 รายการ -เครื่องมือช่าง แพง 47% ส่วน รถบัส 30%

นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อแสดงความเห็นและข้อมูลไม่ไว้วางใจในญัตติอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ความล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพและภาวะผู้นำ ในการกำกับดูแลหน่วยงานภายใต้กระทรวงกลาโหม จนก่อให้เกิดความเสียหาย คณะรัฐมนตรีชุดนี้มีอดีตผู้บัญชาการทหารบกถึง 3 ท่าน ประกอบด้วย พล..ประยุทธ์ พล..ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พล..อนุพงษ์ เผ่าจินดา  รมว.มหาดไทย แต่ปรากฎว่าตั้งแต่ต้นปี 2563 ที่ผ่านมา กองทัพภายใต้การดูแล พล..ประยุทธ์ มีแต่เรื่องงามหน้า

 โดย พล..ประยุทธ์ ปล่อยปละละเลยทำให้มีปัญหาคอรัปชั่นการจัดซื้อจัดจ้างกองทัพ ที่ไม่สามารถอ้างไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ เนื่องจากเหตุการเกิดขึ้นซ้ำๆ โดยไม่มีการตรวจสอบ เหมือนรู้เห็นเป็นใจเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น เพื่อให้ประโยชน์พวกพ้องของตนอยู่ในกองทัพ ภายใต้บริหารงานของ พล..ประยุทธ์ ช่วง 1 ปีที่ผ่านมาสร้างความเสียหายมากมาย

โดยนายพิจารณ์ ยกตัวอย่าง เหตุการณ์กราดกดยิงที่โคราช ที่กองทัพซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีภาระกิจด้วนความมั่นคง กลับสร้างความไม่มั่นคงเสียเอง และเป็นต้นเหตุโศกนาฎกรรมครั้งนี้ แม้รัฐบาลได้กเยียวยาผู้ได้กรับผลกระทบทั้งหมด และกองทัพสอบสวนลงโทษผู้กระทำผิด และปรับปรุงการดูแลคลังเก็บอาวุธเรียบร้อยแล้ว

แต่ต้นเหตุคือปัญหาสำคัญคือทหารชั้นผู้น้อยถูกกดขี่เอารัดเอาเปรียบอย่างไม่เป็นธรรมจากผู้บังคับบัญชา ซึ่งที่ผ่านมา พล..ประยุทธ์ ไม่ได้เข้าไปดูแล ที่ไม่มีช่องทางร้องเรียนและถูกลงโทษจากผู้บังคับบัญชา แม้ที่ผ่านมาจะมีการตั้งศูนย์ร้องเรียนโดยตรงถึง ผบ.ทบ. แก้ปัญหาความไม่ชอบธรรม แต่ประสบความล้มเหลว เช่น กรณี สิบเอกณรงค์ชัย อินทรกวี หรือ หมู่อาร์ม ร้องเรียนผ่านศูนย์ร้องเรียนดังกล่าวถึงการทุจริตเบี้ยเลี้ยงของกรมสรรพวุธทหารบก แต่เรื่องดังกล่าวกลับไปที่ต้นสังกัด จนทำให้ถูกข่มขู่ กลั่นแกล้งจากผู้บังคับบัญชา จนเป็นสาเหตุหนีทหารและถูกปลดจากราชการ ในขณะที่กองทัพบก ตั้งคณะกรรมสอบพบว่า  หน่วยงานต้นสังกัดของหมู่อาร์ม ทำผิดจริงทั้งวินัยและอาญาจริง เตรียมส่งเรื่อง ปปช.

นี่คือการฉ้อฉลของกองทัพ บังคับขู่เข็ญ ผู้ใต้บังคับบัญชาทำผิดกฎหมาย โกงกินเงินเข้าประเป๋านาย กรณีหมู่อาร์ม ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมไม่ต่างอะไรกับเหตุการณ์กราดยิงโคราช สิ่งที่ทหารทหารชั้นผู้น้อยต้องเผชิญชะตากรรม แล้วจะมั่นใจได้อย่างไร เหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไปดูต้นเหตุปัญหาคืออะไร เพราะจากเหตุการณ์นั้นเป็นต้นมามีทหารชั้นผู้น้อยร้องเรียนมีการโกงในลักษณะดังกล่าวไม่ต่อว่า 1,000 นาย นี่คือความฉ้อฉลในกองทัพ นี่คือสิ่งละเลย ไม่สืบสวน ขยายผล และไม่หาระบบทำให้ทหารชั้นผู้น้อยเกิดความเป็นธรรม ร่วมถึงหาช่องทางร้องเรียนผู้บังคับบัญชาที่ทำผิดกฎหมาย แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่คิดจะทำ หารเป็น รมว.กลาโหม ที่มาจากพลเรือน ก็คงไร้สมอง แต่ท่านเป็นอดีต ผบ.ทบ.4 ปี แต่ไม่คิดจะทำ เพราะกลัวหากรื้อขึ้นมาจะเจอแต่เรื่องเน่าและสะเทือนตำแหน่งของท่าน หากไม่กล้าแตะเรื่องนี้ขอให้ออกไป ให้คนที่กล้ามาทำ”

นายพิจารณ์ ยังระบุถึง การเกณฑ์ทหาร หลัง พล..ประยุทธ์ มีคำสั่งให้กองทัพเปิดรับสมัครทหารเกณฑ์สมัครใจแบบออนไลน์ สามารถเลือกหน่วยที่จะลงได้ และมีโควต้าสอบเข้าเป็นนักเรียนนายสิบ เพื่อสร้างแรงจูงใจ ลดการจับใบดำใบแดง ท่ามกลางกระแสคนรุ่นใหม่ต้องการให้ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร แต่เชื่อว่าคงไม่มีใครมาสมัครใจมากนัก หากยังไม่แก้ไขเรื่องนำพลทหารมารับใช้ ไม่แก้ไขละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่ปรับปรุงสวัสดิการ ค่าตอบแทน โดยเฉพาะสวัสดิภาพและความปลอดภัยของทหารเกณฑ์ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ่ำแบบปริศนาอีก เช่น ในปี 2563 มีพลทหารเสียชีวิตในค่ายทหารถึง 6 คน ในขณะเดือน พ.. มีถึง 3 นาย  แม้มีการสอบสวน แต่ไม่เคยมีผู้บังคับบัญชาเข้ามารับผิดชอบต่อการเสียชีวิตดังกล่าว ทั้งนี้ พรรคก้าวหน้าเคยเสนอ ร่างพ.ร.บ.ทหารเกณฑ์ฯ แต่น่าเสียดายถูกปัดตก ไม่นำเข้าสู่การพิจารณาในสภา ขอเรียกร้องให้ไปอ่านเนื้อหาในร่าง พรบ.ดังกล่าว

 ในขณะเดียวกัน นายพิจารณ์ ยังกล่าวถึง การดำเนินการธุรกิจในกองทัพ ที่เกี่ยวพันธ์สวัดิการและใช้ประโยชน์ที่ราชพัสดุ ซึ่งเป็นหนึ่งในคำสัญญาหลังเกิดเหตุการณ์กราดดยิงที่โคราช เช่น สนามม้า สนามมวย สนามกอล์ฟ ที่พักตากอากาศ ทั้งนี้ที่ราชพัสดุมีทั้งหมด 12.5 ล้านไร่ กลาโหม ครอบครอง 6.25 ล้านไร่ กองทัพบก  4.7 ล้านไร่ เหล่าทัพอื่น 1.55 ล้านไร่ จึงเกิดคำถามที่ราชพัสดุ ถูกนำไปใช้เกิดประโยชน์จริงหรือไม่ เนื่องจากมี พรบ.ที่ราชพัสดุ 6 มี.. ..2562  เป็นเวลา 11 เดือนมาก่อนเกิดเหตุกราดยิงโคราช แต่ไม่ได้ดำเนินการใดๆจนกระทั้งเกิดเหตุการณ์

 จากข้อมูลรายได้เฉลี่ยย้อนหลังพบว่า กองทัพบกใช้ประโยชน์รายได้เฉลี่ย 720 ล้าน รายจ่ายเฉลี่ย 649 ล้าน ส่วนต่างเฉลี่ย 75 ล้าน ทั้งนี้ กองทัพบก ใช้ที่ราชพัสดุเชิงพาณิชย์กว่า 3 แสนล้านไร่ จะเห็นได้ว่า จากตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้กองทัพบกใช้ประโยชน์ที่ดินไม่เป็น ในขณะที่สนามกอล์ฟอีก 33 แห่ง กองทัพบกอ้างว่าเป็นสวัสดิการภายใน ไม่ต้องทำสัญญาเช่ากับกรมธนารักษ์ ตนรับไม่ได้ในประเด็นนี้ เพราะถือเป็นสวัสดิการนายพล ไม่ใช่ทหารโดยร่วมในกองทัพ นี่คือความไม่เท่าเทียม

 

ที่ราชพัสดุคือสมบัติของแผ่นดิน ไม่ใช่สมบัติของกองทัพ จะนำไปใช้โดยมิชอบไม่ได้ ประเทศไทยต้องการรายได้หลายทาง ไม่ใช่เฉพาะดูแลทหารชั้นผู้น้อย แต่รวมไปถึงประชาชนทั่วประเทศ มีการพูดถึงตัดรัฐสวัสดิการให้ประชาชน เป็นหนึ่งเครื่องมือแก้ปัญหาความยากจน ลดปัญหาความเลื่อมล้ำ ต้องทำรัฐสวัสดิการในกองทัพให้โปร่งใส ใช่ทรัพยากรเกิดประโยชน์สูงสุดของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่คนบางกลุ่ม นี่คือความไม่จริงใจในการปฏิรูปกองทัพ ของ พล..ประยุทธ์

 นายพิจารณ์ ยังระบุอีกว่า การใช้ที่ราชพัสดุไม่โปร่างใส ยังเกิดขึ้นในกองทัพเรือ ขอเรียกว่าสวัสดิการเชิงธุรกิจ แบบสัมทาน  ซึ่งเป็นโครงการโรงโม่หิน อ.สัตหีบ จำนวน 208 ไร่ มีพฤติกรรมเอื้อผลประโยชน์เอกชนรายหนึ่ง แบ่งปันผลประโยชนให้ทหารยศพลเรือเอก  เพราะพบว่าเอกชนรายนี้ไม่สามารถดำเนินการได้ตามสัญญา ซึ่งมีค่าปรับกว่า 40 ล้านบาท แต่ปรากฎว่า กองทัพเรือ ให้เอกชนรายนี้ต่อสัญญา ส่วนหนี้ผ่อนชำระ 48 งวด แบบไม่คิดดอกเบี้ย ไม่วางหลักทรัพย์ค้ำประกัน เมื่อ 25.. 63 ก่อนที่  พล..ลือชัย รุดดิษฐ์ อดีตผบ.ทร. จะเกษียณอายุราชการแค่ 5 วัน โดยกองทัพเรืออ้างเหตุผลหากดำเนินคดีแล้วชนะคดี ก็ไม่มีทรัพย์สินอะไรให้ยึดทรัพย์

 นอกจากนี้ นายพิจารณ์ ยังกล่าวถึงการทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างในกองทัพ ในช่วงโควิด -19 เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อประเทศชาติ เนื่องจากที่ผ่านมากลาโหมมีการใช้ใช้จ่ายงบประมาณที่ไม่โปร่งใส หรือ ทุจริตภาษีประชาชน ตั้งแต่กางเกงในยันเรือดำน้ำ

 

1.โครงการจัดซื้อชุดลำลองทหารเกณฑ์  7 รายการ ที่ราคาสูงกว่าราคาในออนไลน์ (ช็อปปี้) โดยพรคก้าวไกลเคยท้วงติงไว้เมื่อครั้งที่แล้ว แต่ปรากฎว่าไม่ได้รับการใส่ใจ เพราะการจัดซื้อยังดำเนินการต่อเนื่อง และซื้อจำนวนมากกว่าครั้งที่แล้ว ทั้งซื้อแล้ว และอยู่ระหว่างประกวดราคา แม้กองทัพปรับลดราคากลางลง แต่ยังสูงกว่าราคาขายปลีกอยู่ดี เช่น เสื้อคอวี  ราคากลาง 130 บาท ออนไลน์ขาย 80 บาท จำนวนที่ซื้อ 777,089 บาท จ่ายแพง 38,854,500 บาท ,กางเกงขาสั้นลำลอง ราคา 365 บาท ออนไลน์ขาย 120 บาท จำนวนที่ซื้อ 345,673 ตัว จ่ายแพง 84,712,585 บาท, รองเท้า JUNGLE BOOTH  ราคากลาง 1,732 บาท อยู่ระหว่างการจัดซื้อ  ราคาออนไลน์ 600 บาท จำนวนที่ซื้อ 218,434 บาท ส่วนต่างราคา 247,267,288 บาท นอกจากนี้ยังมีผ้าเช็ดตัว ผ้าขาวม้า ถุงเท้าต้านแบททีเรีย และสุดท้าย กางเกงใน หากดึงดันจัดซื้อทำให้รัฐสูญเงิน 417 ล้านบาท

 

ผมได้คำตอบแล้วว่า กางเกงในมีไว้ใส่ หรือมีไว้ กิน วันนี้ผมได้คำตอบแล้ว สำหรับนายกฯไทย กางเกงในมีไว้กิน ทั้งหมดนี้ผมเชื่อว่าเอกชนไม่ได้ขายแพง แต่มีใครบางคนไปกำหนดให้ขายราคานี้ นี่คือความจงใจ ไม่ใส่ใจของ พล..ประยุทธ์ งบประมาณชักหน้าไม่ถึงหลัง แต่ พล..ประยุทธ์ ยังเอาเงินทอน

 2.โครงการจัดซื้อกล้องกลางคือ หรือ ไนท์ วิชชั่น พบว่ามีการกีดกันผู้แข่งขัน ให้ผู้ชนะประมูล ด้วยราคาเดียว คือ 4.9แสนล้านบาท และราคาดังกล่าวชนะประมูล 3 ปีติดต่อกัน ตั้งแต่ปี 2561 แม้หน่วยรบพิเศษแจ้งความต้องการว่าต้องการใช้ยี่ห้อเดิม เพื่อใช้การจัดซื้อแบบวิธีพิเศษและกำหนดทีโออาร์แบบล็อคสเปค ซึ่งตนเชื่อว่าการล็อคสเปคดังกล่าวเพื่อเอื้อให้กับบริษัทเอกชน ซึ่งราคาแพงกว่า 47% เมื่อเปรียบยี่ห้องนิวคอน รุ่นท็อป

 3.การจัดซื้อรถบัสโดยสารเกิดในปี 2558 - 2563 มูลค่า 2,200 ล้านบาท จำนวน 7 โครงการ 429 คัน  เชื่อว่า จัดซื้อแพงถึง 30% หรือ 660 ล้านบาท ซึ่งพบการล็อคสเปคให้กับบริษัทเอกชนเพียงรายเดียว ผ่านการดำเนินการ 3 ขั้นตอน คือ 1.กำหนดสเปคโดยไม่เชิญบริษัทที่มีศักยภาพ 2. ผู้สืบราคา และ ผู้ยื่นข้อเสนอจากบริษัทที่มีเครือข่ายเชื่อมโยง 3.กำหนด TOR ปิดกั้นให้เหลือรายเดียว

 “ในช่วงปีที่ผ่านมา มีบุคคลที่เป็น รมว.กลาโหม 2 คน คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ​ รองนายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประยุทธ์ ต้องรู้เห็นเป็นใจเกิดกรณีดังกล่าว โดยเฉพาะงบประมาณหว่าพันล้านที่เสียไป

 นอกจากนั้นยังมีประเด็นการจัดซื้อเรือดำน้ำ  โดยมีการพูดถึงจดหมายที่ พล...ลือชัย รุดดิษฐ์ อดีตผู้บัญชาการทหารเรือ ส่งถึงทางการจีน ก่อน 6 วันที่จะเกษียณอายุราชการ เชื่อว่า มีความพยายามให้ลงนามก่อน 30.. 63 เพื่อให้มีผลผูกพันกับงบประมาณ โดยเกี่ยวกับการเมือง หลังมีการยกเลิกงบประมาณจัดซื้อปีที่ผ่านมา

นี่เป็นการแสดงให้เห็นว่ามีคนอยากได้จนเนื้อเต้นแบบไม่ลืมหูลืมตา  และเชื่อว่า อดีต ผบ.ทร. จะทำอะไรโดยพละการ ดังนั้นเชื่อได้ว่าเป็นความต้องการและคำสั่งการของ รมว.กลาโหม  นอกจากนี้กองทัพเรือ ยังการจัดซื้อเครื่องมือช่างแพงกว่าค่าเฉลี่ย 47% และดำเนินการเสร็จแล้ว

 ด้าน พล..ประยุทธ์ ลุกขึ้นชี้แจงต่อประเด็นดังกล่าวว่า  เรื่องดังกล่าวอยู่ในระหว่างการดำเนินการในส่วนของกองทัพ และย้ำเตือนเสมอเรื่องการทุจริต ต้องไปตรวจสอบอีกครั้ง เพราะห่างจากเรื่องพวกนี้มาพอสมควร แต่ยืนยันว่า ในฐานะเป็น รมว.กลาโหม ได้กำกับดูแลและกำชับมาโดยตลอด ในทุกๆประเด็น มีกฎกติกา และหลักเกณฑ์ของกองทัพบกอยู่ ซึ่งหลายอย่างมีข้อแตกต่างในการจัดซื้อจัดจ้างสิ่งเหล่านี้

 

ยืนยันผมไม่ได้ประโยชน์อะไรจากตรงนี้ ในฐานะที่เป็น รมว.กลาโหม ต้องไปตรวจสอบอีกครั้ง ผมคิดว่า ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เรื่องการจัดซื้ออาวุธ พูดกันมาหลายครั้งแล้ว พูดยังไงไม่เข้าในในเหตุผลและความจำเป็น ทั้งเรือดำน้ำ หรือ อื่นๆ ที่เป็นการจัดซื้อจัดหาในงบประมาณกลาโหม ไม่ว่าจะจัดซื้อเพื่อทดแทน หรือ หมดอายุ ทุกท่านก็ทราบดีว่า ซื้อมาเพราะอะไร จะบอกว่าไม่รบกัน ก็ไม่ใช่ แต่ไม่ถึงการรบ แต่มีเพื่อไปรบ อย่างเรือดำน้ำ ประเทศรอบบ้านมีกันหมดแล้ว เราไม่มี จะทำอย่างไร แล้วใครรับผิดชอบในวันข้างหน้า ผมยืนยันไม่เคยรับผลประโยชน์ใดๆ ไม่ว่าจากใครก็ตาม

 

พล..ประยุทธ์ กล่าวว่า นายพิจารณ์ น่าจะเข้าใจผิดเรื่องที่ดินราชพัสดุ ซึ่งไม่ใช่ที่ดินของกองทัพบก แต่เป็นที่ดินกรมธนารักษ์มอบหมายให้ กลาโหมดูแลรักษา ใครจะใช้ต้องขออนุมัติ ห่านกรมธนารักษ์ ติดต่อมาที่กองทัพบก ก็ต้องให้ในส่วนที่มีความจำเป็น รัฐบาลชุดที่แล้วก็ขอมาจำนวนมากเช่นกัน

 

ทุกรัฐบาลก็ขอแต่ที่ทหารกันทั้งนั้น ในขณะที่ทหารเป็นเพียงผู้ดูแล ไม่ใช่เจ้าของ เข้าใจเสียด้วย ส่วนสนามกีฬา เป็นการให้บริการ ถ้าบอกทหารชั้นผู้น้อยไม่ได้ประโยชน์ แต่รายได้ตรงนี้ก็นำไปช่วยทหารชั้นผู้น้อย เป็นสวัสดิการ ทุนการศึกษา

 ส่วนเหตุกราดยิงโคราช เมื่อเกิดแล้วต้องแก้ไข ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่สิ่งรู้สึก ท่านไม่ชอบทหารแน่นอน ตนรู้อยู่ เมื่อถึงเวลาเดือดร้อน อย่านึกถึงทหารแล้วกัน ซึ่งหลายอย่างทหารทำประโยชน์ประเทศมากมาย ประชาชนก็พอใจ ท่านโจมตีทหารทุกเรื่อง ทหารหมดกำลังใจเช่นกัน

พล..ประยุทธ์ ยังย้ำว่า การใช้ชีวิตทหารชั้นผู้น้อย ต้องยึดความพอเพียงในการใช้จ่ายเงินที่มีอยู่ รัฐบาลพยายามเพิ่มเติมตรงนี้ให้ ส่วนการเรื่องการทุจริตก็แก้ไขไป ทั้งนี้ตนไม่ได้ปฏิเสธความรับผิดชอบ แอ่นอกรับด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต  ตนไม่กลัว ไม่หลบตา และเชื่อว่า ไม่มีใครกลัวใครอยู่แล้ว วันนี้สิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกันหมด