หมอติ๋น-เทพจงจิต : รับฝาก 'ไข่' เตรียมมีลูก ตั้งแต่ยังไม่มีแฟน

หมอติ๋น-เทพจงจิต : รับฝาก 'ไข่'  เตรียมมีลูก ตั้งแต่ยังไม่มีแฟน

คนมีลูกยาก ไม่ใช่ปัญหาอีกแล้ว แม้ยังไม่มีสามี หรือยังไม่อยากมีลูกในช่วงปีนั้น สามารถนำไข่มาฝากไว้ก่อน “ไข่”ในช่วงวัยสาวแรกรุ่นคงดีกว่าวัย 30-40 ปี เรื่องนี้สาวโสดและคนมีสามีแล้วรู้หรือยัง

วันนี้ “จุดประกาย” มีโอกาสได้พูดคุยกับ พ.ต.ต.พญ. เทพจงจิต อาวเจนพงษ์ หรือคุณหมอติ๋นลูกไม้ที่หล่นไม่ไกลต้น บุตรสาวของ พล.ต.อ.นพ. จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ ผู้ก่อตั้งเจตนิน โรงพยาบาลรักษาผู้มีบุตรยาก ที่ต้องสวมหมวกหลายใบ ทั้งในตำแหน่งผู้บริหารโรงพยาบาล  สูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธ์ และคุณแม่ยุคใหม่ลูกสองวัยกำลังซน แต่เธอก็เต็มที่ในทุกบทบาท ช่วงนี้เป็นวันแห่งความรักเผื่อว่า “วาเลนไทน์” ปีนี้ใครอยากมีลูก “ปรึกษาหมอ” ได้เลย

161319685513

อยากเรียนหมอตั้งแต่เด็ก

 “หมอติ๋น”  เล่าถึงแรงบันดาลใจในการเป็น “สูตินรีแพทย์” ของเธอว่า เห็นคุณพ่อเป็นหมอ คุ้นเคยกับอาชีพนี้ เพราะเป็นอาชีพที่ได้ช่วยเหลือคนที่อยากมีลูก มีลูกยาก ฟังไปเรื่อยๆ เห็นไปเรื่อยๆก็เลยประทับใจอาชีพนี้มาก ก็เลยเป็นสาเหตุให้อยากเรียนหมอ

เธอเล่าย้อนกลับไปว่า เมื่อตอน อายุ 14 ปี ถูกส่งไปอยู่โรงเรียนประจำที่ประเทศอังกฤษ ขณะที่เรียนอยู่ที่นั่นก็พยายามศึกษาว่าอาชีพอื่น จนกระทั่งแน่ใจแล้วว่าสิ่งที่อยากทำก็คือ “อาชีพหมอ” นี่แหละจึงเลือกเรียนสาขาวิชาแพทย์ที่St. Bartholomew’s and the Royal London School of Medicine  ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ พอเรียนจบก็เข้าทำงานด้านแพทย์เฉพาะทาง สูตินรีแพทย์ที่ลอนดอน และเพิ่งเดินทางกลับมาเมืองไทยเมื่อ 6 ปีที่ผ่านมานี่เอง  “ตอนถูกส่งตัวไปอยู่อังกฤษ คุณพ่อเป็นคนแนะนำว่า ถ้าไปเรียนต่างประเทศก็จะมีประโยชน์คือ อย่างแรกจะได้ในเรื่องของภาษา ถัดมาได้เรียนรู้การใช้ชีวิตตอนนั้นอยู่ชั้น ม. 2 ก็คิดเหมือนกันว่าจะอยู่หรือไปดี เพราะเราเองเคยไปเรียนซัมเมอร์ที่อังกฤษทุกปิดเทอม เพื่อให้คุ้นเคยกับภาษา พอสอบได้ก็เลยตัดสินใจไป เลือกอังกฤษเพราะระบบการศึกษาเขามีชื่อเสียงอยู่ในกรอบ ส่วนอเมริกานั้นก็อยู่ห่างไกลเกินไป”

 

เลือกเป็นหมอสูตินรีแพทย์

การเป็น “หมอสูตินรีแพทย์” ต่างจากหมอด้านอื่นตรงที่ได้ดูแลเติมเต็มคนในครอบครัว เริ่มจากคนๆหนึ่งอยากมีลูก จนกระทั่งตั้งครรภ์ แล้วทำคลอดให้กับเขา รู้สึกว่างานประสบความสำเร็จ มีความสุขไปพร้อมๆกับครอบครัวของเขาที่มีลูกสมใจขณะเดียวกัน “การตั้งครรภ์” เสมือนมีคนไข้ 2 คน ก็คือ “แม่” และ “เด็ก”หากการท้องเริ่มเป็นอันตรายกับแม่ เพราะเด็กยังไม่พร้อมที่จะออกมา ก็ต้องมีการตัดสินใจเร่งด่วน หากออกมาปลอดภัยทั้งแม่และลูก คุณหมอก็ภูมิใจ และมีความสุขไปด้วย

“หมอติ๋น” มองว่า ปัจจุบันนี้คนมีบุตรยากมากกว่าสมัยก่อน เพราะคนแต่งงานช้าลง สมัยก่อนผู้หญิงอายุ 18-20 ปี แต่งงานมีลูก ปัจจุบันผู้หญิงอายุ 20 ปีเรียนต่อปริญญาโท กำลังทำงาน อยากมีเวลาที่จะใช้ชีวิตต่างๆ กันไป เช่น ต้องการออกเดินทาง ท่องเที่ยว ฯลฯ

“เนื่องจากปัจจัยต่างๆ ที่เล่ามา สรุปแล้วคนในปัจจุบันพร้อมจะมีบุตรตอนที่อายุมากขึ้น แน่นอนเกิดปัญหามีลูกยากขึ้น ก็ทำให้คนในปัจจุบันมีเทรนด์ในการเข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาการ มีบุตรยากมากกว่าสมัยก่อนร่างกายคุณแม่ที่พร้อมจะมีลูกพีคสุดๆ อายุ 20-21 ปี ปัจจุบันคุณแม่ส่วนใหญ่มีอายุเกิน 35 ปี ตามธรรมชาติผู้หญิงอายุ 20 กว่าเหมาะกับการมีลูกที่สุด แต่ในความเป็นจริงเพิ่งจะเรียนจบมหาวิทยาลัย คนส่วนมากไม่ได้คิดถึงเรื่องลูกหรอก

161319685562

มีลูกยากทำอย่างไร

อายุแม่ที่มากขึ้นนอกจากทำให้มีลูกยากแล้วยังเพิ่มความเสี่ยงที่มีโรคทางพันธุกรรม เพราะมาจากไข่ของแม่ที่มีอายุเยอะ ความสมบูรณ์ก็จะไม่ดีเท่าไข่ของคนอายุน้อย แถมมีความเสี่ยงของโรคดาวน์ซินโดรม แต่สมัยนี้เรามีเทคโนโลยีที่จะตรวจเจอ ก็เลยไม่มีปัญหามาก” คนไข้ที่คุณหมอดูแล อายุสูงสุดประมาณ 44 ปี คุณแม่ที่มีอายุมาก มีความเสี่ยงด้านโรคประจำตัว เช่น ความดัน และเบาหวานในระหว่างตั้งครรภ์ หรือครรภ์เป็นพิษ คุณหมอต้องดูแลอย่างใกล้ชิด หากจะใช้อาหารเสริม“โฟลิก” ก็พอจะช่วยได้ในเรื่องการเตรียมพร้อมในการมีบุตรคนที่มีลูกยาก บางทีก็เกิดภาวะเครียด รู้สึกกดดันทำให้ยิ่งมีลูกยากขึ้น บางครั้งการไปบนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทำให้เกิดความสบายใจคลายกังวล ก็อาจจะประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์ได้เช่นกัน คุณหมอคิดว่าอาจจะมีผลในเชิงจิตวิทยาก็เป็นได้

161319685591

genetic lab

“โรงพยาบาลเจตนิน เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทาง เรื่องรักษามีบุตรยาก เปิดมาเกิน 25 ปี ตั้งแต่เมื่อก่อนจนวันนี้ ก็มีวิวัฒนาการเพิ่ม เมื่อก่อนเป็น IVF(In vitro fertilization) คือนำไข่กับสเปิร์มรวมกันไว้ในห้องแล็บ รอการปฏิสนธิเทคโนโลยีปัจจุบันพัฒนาเป็น อิ๊กซี่ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection)ก็คือนำไข่มาแล้วคัดเลือกสเปิร์ม เจาะเข้าไปในไข่เพื่อให้เกิดการปฏิสนธิ ตอนนี้พัฒนาไปอีกเป็น อิมซี่ IMSI (Intracytoplasmic morphologically selected sperm injection)คือเอาไข่มา 1 ฟอง แล้วเอาสเปิร์มมา 10 ตัว แทนที่จะเอาตัวที่ว่ายๆๆๆ  เราก็ใช้กล้องส่องดูว่าตัวไหนสมบูรณ์ที่สุด แล้วเลือกตัวนั้นมา 1 ตัว เทคโนโลยีก็มีการพัฒนาขึ้น เรารักษาเรื่องการมีบุตร การดูแลระหว่างตั้งครรภ์ แบบครบวงจรเลย”

161319685575

sperm freezing 

ฝากไข่ไว้ก่อน

“หมอติ๋น” เล่าถึงเทรนด์ที่มาแรง ฮิตมากจากอเมริกา-ยุโรป ก็คือ “การฝากไข่” โจทย์คือ ปัจจุบันผู้หญิงแต่งงานช้า-มีลูกช้า มีความเสี่ยงสูง เด็กมีโครโมโซมผิดปกติ ดังนั้นผู้หญิงสามารถฝากไข่ไว้ได้ ผู้หญิงอายุ 30-32 ปี สามารถฝากไข่เก็บไว้ใช้ในอนาคตได้ “หากยังไม่มีสามี ไม่มีลูกในตอนนี้ ก็สามารถฝากไข่ไว้ได้ ถ้าคุณฝากตอนอายุ 32 เวลาผ่านไปเจอคนถูกใจแต่งงานอายุ 37-38 อาจจะมีลูกยากแล้ว หรืออยากใช้ไข่ตอนที่เราอายุน้อย ก็เอาไข่มาเข้าขบวนการ อิ๊กซี่ (ICSI)ปฏิสนธินอกร่างกายแล้วฉีดกลับเข้าไปอีกครั้ง ก็เป็นอีกกระบวนการที่นิยมกันเราเคยรายงานการประชุมที่เมืองนอกว่า เราแช่แข็งไข่ไว้ 10 ปี ตอนนี้มีผลงานคือได้ลูกที่มีสุขภาพแข็งแรง นั่นก็แสดงว่าเทคนิคนี้เรามีมานานแล้ว เมืองนอกบริษัทใหญ่ๆอย่าง เฟสบุ๊ค ก็มีสวัสดิการให้พนักงานหญิงฝากไข่ได้ฟรี เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมาแต่เทคโนโลยีมีมานานแล้ว ปัจจุบันนี้มีการพัฒนาไปอีกมาก วันที่แช่ก็คือหยุดเวลา หยุดการทำงานของเซลส์ มีรายงานว่า แช่เกิน 20 ปีเอามาใช้ก็ยังใช้ได้”

ค่าฝากไข่ เริ่มแรกกระตุ้นไข่ 10 วัน แล้วเก็บไข่มาฟรีซ ประมาณ 1-2 แสน แล้วแต่จำนวนยาที่จะใช้การฝากรายปี ของเจตนินบริการฝากฟองละ 1,000 บาทต่อปี ตกวันละ 3 บาทต่อฟอง ส่วนใหญ่แนะนำให้ฝาก 10-15 ฟอง หากต้องการลูก 1 คน ถ้าต้องการมากกว่านั้น คุณหมอบอกว่า ก็ต้องฝากมากกว่านั้น เพราะตัวเลขสถิติต่างประเทศวิจัยแล้วว่า ถ้าฝากประมาณนั้น ละลายแล้วเหลือกี่ฟอง ปฎิสนธิแล้วจะเหลือกี่ฟอง เลี้ยงเป็นตัวอ่อนแล้วจะเหลือกี่ฟอง ตรวจโคโมโซมเสร็จเหลือดีที่สุดกี่ฟอง ใส่กลับเข้าไปแล้วไม่ท้อง ก็ต้องมีเผื่อไว้

“หากต้องการมีบุตรสักคน ค่าใช้จ่ายเริ่มแรกกระตุ้นไข่ เก็บไข่ ประมาณ 6 หมื่นถึง 1 แสนบาท แล้วทำอิ๊กซี่ (ปฏิสนธิภายนอกร่างกาย) เลี้ยงตัวอ่อนจนถึงระยะฟักฝังตัวได้ดีที่สุด ประมาณ 1.2 แสนบาท รวมทั้งหมดก็ราว 2 แสนบาท หากต้องการตรวจโคโมโซม ก็อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่ไม่ใช่ทุกรายต้องตรวจ กว่าจะได้บุตรมา 1 คนน่าจะเตรียมเงินไว้ประมาณ 2-3 แสนบาท”

161319685586

พ.ต.ต.พญ. เทพจงจิต อาวเจนพงษ์ หรือคุณหมอติ๋นลูกไม้ที่หล่นไม่ไกลต้น บุตรสาวของ พล.ต.อ.นพ. จงเจตน์ อาวเจนพงษ์

สำหรับ “วาเลนไทน์” นี้ “หมอติ๋น” แนะว่า หากเป็นคนมีบุตรยาก เชิญมา “ปรึกษาหมอ”ได้ เพราะโรงพยาบาลมีประสบการณ์กว่า 25 ปี มีพนักงานเกือบ 300 คน แพทย์ 9 คน ทีมนักวิทยาศาสตร์ทำงานร่วมกัน เพราะขั้นตอนการทำ “เด็กหลอดแก้ว” สิ่งสำคัญก็คือ “ไข่เล็กๆ” กับ “สเปิร์มเล็กๆ”

นอกจากรักษาการมีบุตรยาก ที่นี่ยังมีหมอสูตินรีแพทย์บริการตรวจภายในผู้หญิง และปรึกษาการตั้งครรภ์ทั่วไป