รฟท.ตั้งบริษัทลูก สร้างรายได้ 6.3 แสนล้านบาท

รฟท.ตั้งบริษัทลูก สร้างรายได้ 6.3 แสนล้านบาท

ร.ฟ.ท.จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทลูก “เอสอาร์ที แอสเสท” ภายใน เม.ย.นี้ แจงอยู่ระหว่างแบ่งสัญญาที่ดิน เตรียมส่งต่องานบริหารสัญญา 5 กลุ่ม รวมพัฒนาสถานีกลางบางซื่อ หวังเป้าหมาย 30 ปี สร้างรายได้หนุนองค์กร 6.3 แสนล้านบาท

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าของการจัดตั้งบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด หรือ บริษัท รถไฟพัฒนาสินทรัพย์ จำกัด โดยระบุว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสรรหากรรมการ (บอร์ด) ของบริษัท เพื่อจัดตั้งเป็นคณะกรรมการตั้งต้นรวม 9 คน ส่วนกระบวนการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 2 เดือนหลังจากนี้ หรือไม่เกินเดือน เม.ย.2564 หลังจากนั้นจึงจะเริ่มกระบวนการสรรหากรรมการผู้จัดการ (MD) ซึ่งมั่นใจว่าบริษัทจะจัดตั้งสมบูรณ์พร้อมเริ่มงานบริหารภายในปีนี้

“ตอนนี้เรากำลังดุรายชื่อกรรมาการบริษัท ซึ่งต้องเป็นไปตามกระบวนการของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ด้วย เนื่องจากบริษัทมีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จเร็วๆ นี้”

อย่างไรก็ดี เพื่อให้การจัดตั้งบริษัทลูกแล้วเสร็จ พร้อมบริหารตามเป้าหมาย ปัจจุบัน ร.ฟ.ท.ยังอยู่ระหว่างจัดเตรียมสัญญาเช่าที่มีอยู่ทั้งหมด เพื่อส่งมอบงานให้กับบริษัทลูกดังกล่าว โดยจะแบ่งสัญญาเช่าออกเป็น 5 กลุ่ม เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการ อาทิ สัญญาเช่าที่ไม่มีปัญหาติดขัด สัญญาเช่าที่มีการจ่ายผลตอบตอบแทนแล้วเสร็จ สัญญาเช่าที่หมดอายุ เตรียมต่อและไม่ต่อสัญญา รวมไปถึงการทบทวนที่ดินกรรมสิทธิ์ ร.ฟ.ท.และพื้นที่ที่มีผู้บุกรุกทั้งหมด

นายนิรุต ยังกล่าวด้วยว่า หลังจากจัดทำกระบวนการจัดตั้งบริษัทลูก และสรรหาบอร์ดรวมกรรมการผู้จัดการแล้วเสร็จ จะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่าง ร.ฟ.ท.และบริษัทลูก เพื่อโอนงานหรือโอนทรัพย์สินที่ดินของ ร.ฟ.ท.ที่มีอยู่ราว 3.8 หมื่นไร่ มอบให้บริษัทลูกนำไปดูแล บริหารและพัฒนาต่อ โดยการโอนสินทรัพย์นี้ รวมที่ดินรอบสถานีกลางบางซื่อ ซึ่ง ร.ฟ.ท.เตรียมเปิดประกวดราคาจัดหาเอกชนร่วมลงทุนด้วย

“ที่ดินรอบสถานีกลางบางซื่อ เราได้ร่วมกับไจก้าเข้ามาช่วยวางแผน ซึ่งในอนาคตเราก็จะโอนให้บริษัทลูกนำไปดำเนินการต่อ จากตามแผนเดิมเราจะพัฒนาเฉพาะพื้นที่แปลง A พื้นที่ 32 ไร่ ตอนนี้เปิดขายซองครั้งที่ 2 แล้วก็ยังไม่มีเอกชนสนใจ เราก็อาจต้องมาดีไซน์กันใหม่ ซึ่งโจทย์ของรัฐมนตรีว่าการฯ คือให้ทำพร้อมกัน เริ่มนับหนึ่งทุกแปลงรอบสถานีกลางไปด้วยกัน”

รายงานข่าวจาก ร.ฟ.ท.เผยว่า ตามแผนโอนสินทรัพย์ของ ร.ฟ.ท.ให้บริษัทลูกบริหารนั้น จะแบ่งระยะในการถ่ายโอนงาน เนื่องจากบริษัทลูกจัดตั้งใหม่หากโอนงานไปทั้งหมดอาจหนักเกินกว่าบุคลากรที่มีอยู่ เบื้องต้น ร.ฟ.ท.ทำแผนถ่ายโอนงาน กำหนดเป็น ระยะที่ 1 โอนงานส่วนที่เป็นสัญญาเช่าในปัจจุบัน จำนวนกว่า 1.5 หมื่นสัญญา ระยะที่ 2 โอนงานที่ดินเปล่ายังไม่มีสัญญาเช่า เพื่อให้บริษัทลูกนำไปวางแผนพัฒนาหารายได้ พื้นที่ราว 3.8 หมื่นไร่ มูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท อาทิ พื้นที่รอบสถานีกลางบางซื่อ ที่ดินสถานีแม่น้ำ เป็นต้น

สำหรับรายได้ของบริษัทลูก จะมาจาก 3 ส่วน คือ 1. รายได้จากค่ารับจ้างบริหารสัญญาเช่าเดิมจำนวน 1.5 หมื่นสัญญา โดยสินทรัพย์ทั้งหมดยังคงเป็นของ ร.ฟ.ท. 2. รายได้จากการให้เช่าช่วง ร่วมทุน หรือพัฒนาที่ดินเดิมที่หมดอายุสัญญา และ 3. รายได้จากการร่วมลงทุนกับเอกชน และการพัฒนาพื้นที่ดินเปล่าในอนาคต 

ทั้งนี้ ปัจจุบัน ร.ฟ.ท.มีภาระหนี้สินรวม 1.77 แสนล้านบาท โดยคาดว่า บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด จะหารายได้ผลตอบแทนให้ ร.ฟ.ท.ภายในระยะเวลา 30 ปี กว่า 6.3 แสนล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อการจัดการหนี้สิน และบริหารจัดการองค์กรในอนาคต