เตรียมบุกตลาดผลิตเครื่องสำอาง จากสารสกัดกัญชง

วิสาหกิจชุมชนกลุ่มปลูกและแปรรูปบุก,เกษตรอินทรีย์บ้านทุ่งแพม จ.แม่ฮ่องสอน ร่วมกับบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล แลบบอราทอรีส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องสำอางชั้นนำและ บริษัท ไทยสติ๊คเฮิร์บ จำกัด ลงนามความร่วมมือในการพัฒนาและเตรียมความพร้อมของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีสารสกัดจากกัญชง

​เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2564 วิสาหกิจชุมชนกลุ่มปลูกและแปรรูปบุก,เกษตรอินทรีย์บ้านทุ่งแพม จ.แม่ฮ่องสอน ได้ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล แลบบอราทอรีส์ จำกัด (ILC) และ บริษัท ไทยสติ๊คเฮิร์บ จำกัด ในการวิจัยและพัฒนาพืชสมุนไพรเพื่อใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอาง ที่มีสารสกัดกัญชงเป็นส่วนประกอบภายใต้สัญญา 5 ปี

​นายธนารัตน์ จิตต์พายัพ ที่ปรึกษาวิสาหกิจชุมชนกลุ่มปลูกและแปรรูปบุก,เกษตรอินทรีย์บ้าน      ทุ่งแพม จ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า การลงนามครั้งนี้ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มปลูกและแปรรูปบุก,เกษตรอินทรีย์บ้านทุ่งแพม จะดำเนินการจัดหาสายพันธุ์กัญชง ตลอดจนให้ความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาการปลูก การทำให้กัญชงแห้งที่มีคุณสมบัติเพื่อใช้เป็นสารตั้งต้นในการสกัดสาร CBD ซึ่งเป็นสารสกัดสำคัญในพืชกัญชง การผลิตน้ำมันเมล็ดกัญชง (Hemp seed oil) และสารสกัดจากเมล็ดกัญชง (Hemp seed Extract) รวมทั้งพัฒนาสายพันธุ์กัญชงที่เหมาะสมสำหรับใช้ในการผลิตเครื่องสำอาง ที่มีสารสกัดจากกัญชงเป็นส่วนประกอบ  

​ด้าน นายพลวรรธน์ พญาพิทักษ์สกุล กรรมการบริษัท ไทยสติ๊คเฮิร์บ จำกัด เปิดเผยว่า ในส่วนของบริษัท ไทยสติ๊คเฮิร์บ จำกัด จะเป็นผู้ที่ดำเนินการจำหน่ายน้ำมันเมล็ดกัญชง (Hemp seed oil) และสารสกัดจากเมล็ดกัญชง (Hemp seed Extract) สารสกัด CBD ซึ่งเป็นสารสกัดสำคัญในกัญชงที่ได้มาจากวิสาหกิจชุมชนฯบ้านทุ่งแพม ให้แก่บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล แลบบอราทอรีส์ จำกัด เพื่อนำไปต่อยอดผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจากกัญชง 

​ขณะที่ นางแสงทอง ชัยสิริโรจน์ กรรมการบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล แลบบอราทอรีส์ จำกัด (ILC) เปิดเผยว่า บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล แลบอราทอรีส์ จำกัด หรือ ILC  เป็นโรงงานผู้ผลิตเครื่องสำอางที่ได้รับมาตรฐานการผลิตทั้งจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และระดับสากล  ยินดีจะให้ความร่วมมือและร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ในการพัฒนาต่อยอด นำสารสกัดจากพืชกัญชงมาใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอาง ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้ประเทศไทยได้อีกมากในอนาคต อีกทั้งยังสร้างโอกาสขยายตลาดเครื่องสำอางไทยให้เป็นที่ยอมรับในตลาดโลก