เปิดวิชั่น แม่ทัพเอ็มไอ ฟื้นธุรกิจโต 2 หลัก ฝ่าโควิด

เปิดวิชั่น แม่ทัพเอ็มไอ ฟื้นธุรกิจโต 2 หลัก ฝ่าโควิด

20 ปี บนเส้นทางมีเดีย เอเยนซี่ ไม่ง่าย แต่ไม่ยากเกินความสามารถ เจาะภารกิจแม่ทัพใหม่ เอ็มไอ "ภวัต เรืองเดชวรชัย" กับปฏิบัติการฟื้นธุรกิจให้กลับมาเติบโตอีกครั้ง พร้อมฝ่าวิกฤติสำคัญอย่างโรคโควิด-19 ที่ระบาดซ้ำสอง

ปลายปีที่ผ่านมา กลุ่มบริษัท มีเดีย อินเทลลิเจนซ์(เอ็มไอ) มีการปรับเปลี่ยนแม่ทัพในรอบ 20 ปี หลังจาก วศิน เตยะธิติ ประธานกรรมการและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ได้ก้าวลงจากตำแหน่งในวัย 73 ปี หลังบริหารกลุ่มเอ็มไอ มายาวนานกว่า 2 ทศวรรษ แต่ยังคงมีบทบาทในฐานะที่ปรึกษากิตติมศักดิ์

พร้อมกันนี้ได้ส่งไม้ต่อให้กับ ภวัต เรืองเดชวรชัย นั่งเก้าอี้ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทเอ็มไอ ซึ่งคร่ำหวอดในแวดวงมีเดีย เอเยนซี่มาอย่างยาวนาน 20 ปี เช่นกัน 

ผมเริ่มงานตำแหน่งแม่ทัพของเอมไอ 1 มกราคม ที่ผ่านมา ก็เจอการรับน้องด้วยการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่เลยซึ่ง ภวัต มองเป็นความท้าทายทายในการขับเคลื่อนองค์กรอย่างยิ่ง เนื่องจากสถานการณ์ของไวรัสมรณะ เป็นวิกฤติแรกที่เคยเผชิญในการทำงานเลยก็ว่าได้ 

สำหรับภารกิจของหัวเรือใหญ่ในการนำพาเอ็มไอฝ่าวิกฤติรอบด้านทั้งโรคระบาด เศรษฐกิจชะลอตัว ลูกค้าเบรกใช้จ่ายเงินโฆษณา ไม่ง่าย แต่เมื่อบริบทต่างๆเปลี่ยน คนทำงานต้องปรับกระบวนท่าเช่นกัน จากเดิมทำหน้าที่หลักในการวางแผนซื้อสื่อโฆษณาให้กับลูกค้า ต้องพลิกแพลงมาสวมบทบาทนักสะสางปัญหาหรือ Solution Provider ให้กับลูกค้าควบคู่กันไป 

ทั้งนี้ การทำงานจึงเปรียบเสมือนฝ่ายสื่อสารการตลาดหรือ Marketing Communication ให้กับแบรนด์ ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ช่วยลูกค้าพัฒนาคอนเทนท์ ให้โดนใจและตอบสนองความสนใจของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย เพื่อผลักดันธุรกิจให้เป็นไปตามที่ตั้งไว้ 

ในการขับเคลื่อนธุรกิจ เชิงนโยบายเราไม่ได้เป็นเพียงมีเดีย เอเยนซี่ วางแผนซื้อสื่อราคาที่ดีสุด แต่สิ่งที่เราทำคือเป็นโซลูชั่น โปรวายเดอร์ให้ลูกค้า แบรนด์ต้องการสื่อสารตลาดมุมไหน ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเสพคอนเทนท์ประเภทใด เราช่วยสะท้อนมุมมองให้ได้

ปีก่อนโควิดระบาดหนัก ช่วงมีนาคมถึงพฤษภาคม เป็นช่วงทีผู้บริหารต้องตั้งสติ -ตั้งหลักพอตัว ครั้นเจอการระบาดระลอก 2 การรับมือสาหัสแตกต่างกันแค่ไหน ภวัต ให้มุมมองว่า แม้รอบใหม่จะได้ส่งผลกระทบรุนแรงเท่าปีก่อน แต่กลับต้องตั้งการ์ดเร็วมาก เพราะเหตุการณ์ระบาดเกิดรับศักราชใหม่ และเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาที่กำลังเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น ก็คือซัมเมอร์ ซึ่งการสื่อสารการตลาด เม็ดเงินจะสะพัดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป 

เราเจอวิกฤติโควิดตั้งแต่ปีก่อน การระบาดอีกครั้งไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เหมือนเราฉายหนังม้วนเดิมที่ผลกระทบอาจไม่หนักเท่ารอบแรก แต่หากสถานการณ์ระบาดยืดเยื้อ ไม่สามารถจบเกมได้อุตสาหกรรมจะได้รับผลกระทบทั้งระบบนิเวศ ไม่ใช่แค่เอเยนซี่ แต่เป็นลูกค้า และเจ้าของสื่อด้วย ความท้าทายจึงอยู่ที่ห้วงเวลาต้องเผชิญไวรัสร้าย” 

โควิดอาจเป็นวิกฤติใหญ่ทดสอบนักบริหาร แต่ ภวัต ยกเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 2558 กระเทือนอุตสาหกรรมสื่อโฆษณายาวนาน 2-3 เดือน กว่าจะฟื้นตัว รวมถึงการสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในปี 2559 เหตุการณ์เหล่านี้ ได้ส่งผลให้การปรับตัวเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นหัวใจสำคัญมาก โดยต้องใช้ข้อมูลที่มีมาประกอบการตัดสินใจ ทำงาน เพื่อประคองให้ธุรกิจยืนหยัดได้แข็งแกร่ง  

มีเดีย เอเยนซี่จะอยู่รอด ต้องมีความคล่องแคล่วในการปรับตัวหรือ Agility มีความสำคัญอย่างยิ่ง บางสถานการณ์รอไม่ได้ แต่ไม่ได้บอกว่าต้องรับตัดสินใจเร็วโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง แต่เชื่อว่าเวลานี้หลายอย่างต้องกล้าตัดสินใจเร็วขึ้น ลดขั้นตอนมากขึ้น และบางทีเราต้องกล้า Fail ที่ไม่ถึงขั้นทำให้กิจการเสียหาย พร้อมรับความ Fail กับเรื่องเล็กน้อย ต้องยอม เพราะยุคนี้เราไม่มีระยะเวลาในการพิจารณาอะไรยาวๆ โลกหมุนเร็วขึ้น
การสวมบทแม่ทัพในช่วงวิกฤติ เป้าหมายใหญ่ของ ภวัต คือการนำพาเอ็มไอ ให้กลับไปมีรายได้เติบโตเหมือนปี 2562 อีกครั้ง โดยตลอดเวลาที่ผ่านมา บริษัทสร้างรายได้เติบโตอัตรา 2 หลักมาโดยตลอด กระทั่งเจอผลกระทบจากไวรัสมรณะ ฉุดผลการดำเนินงานเช่นเดียวกับอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยปีก่อนต่อเนื่องปีนี้ อุตสาหกรรมสื่อโฆษณามีเม็ดเงินสะพัดราว 7 หมื่นล้านบาท จากที่เคยอู้ฟู่ระดับ แสนล้านบาท! ซึ่งภูมิทัศน์สื่อทีเปลี่ยน ปัจจัยลบรายล้อมทำให้โอกาสเห็นตัวเลขดังกล่าวอีกครั้ง กลายเป็นเรื่องยาก!