"Weekly Oil" report 18 January 2021

"Weekly Oil" report 18 January 2021

ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูง ขานรับแผนลดการผลิตของซาอุดิอาระเบียและการเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่

ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 49-54 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 52-57 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

  

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (18-22 ม.ค. 64)

ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง หลังซาอุดิอาระเบียปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมอีก 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน ก.พ. และ มี.ค. 64 เพื่อรักษาระดับของปริมาณน้ำมันดิบให้อยู่ในระดับสมดุล ประกอบกับตลาดเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะดีขึ้นภายใต้การนำของประธานาธิบดีคนใหม่ที่จะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในสัปดาห์นี้ อีกทั้ง ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากความคืบหน้าของวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่มีการส่งมอบและดำเนินการฉีดให้กับประชาชนในหลายประเทศ อย่างไรก็ตาม ตลาดถูกกดดันจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่ยังคงปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องถึงระดับมากกว่า 90 ล้านราย ส่งผลให้หลายประเทศทั้งในทวีปยุโรปและเอเชียประกาศมาตรการเข้มงวดระยะห่างทางสังคมเพิ่ม

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:

  • ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากซาอุดิอาระเบียปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมอีก 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน ก.พ. และ มี.ค. 64 เพื่อรักษาระดับของปริมาณน้ำมันดิบให้อยู่ในระดับที่สมดุล หลังความต้องการใช้น้ำมันโลกที่ถูกกดันจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ส่งผลให้ซาอุดิอาระเบียมีแผนลดปริมาณการจัดสรรน้ำมันดิบให้แก่โรงกลั่นน้ำมันบางแห่งในทวีปเอเชียในเดือน ก.พ. 64 ลง ซึ่งโรงกลั่น 2 แห่งในเอเชียเหนือถูกลดการจัดสรรน้ำมันดิบลง 10% ขณะที่ โรงกลั่น 3 แห่งในอินเดียถูกลดการจัดสรรลง 15 - 26%
  • กลุ่มโอเปคพลัสยังคงตัดสินใจลดกำลังการผลิตที่ระดับ 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน ก.พ. และ มี.ค. 64 ซึ่งช่วยให้ตลาดคลายกังวลเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันดิบส่วนเกิน หลังหลายประเทศมีการประกาศมาตรการล็อคดาวน์และมาตรการคุมเข้มระยะห่างทางสังคมอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม รัสเซียและคาซัคสถานที่มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตราว 75,000 บาร์เรลต่อวันในเดือน ก.พ. 64 และ 150,000 บาร์เรลต่อวันในเดือน มี.ค. 64 ส่งผลให้กำลังการผลิตของกลุ่มโอเปคพลัสในเดือน ก.พ. 64 และ มี.ค. 64 โดยรวมอยู่ที่ระดับ 8.125 และ 8.05 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตามลำดับ สำหรับข้อตกลงลดกำลังการผลิตในเดือน เม.ย. 64 จะมีการประชุมอีกครั้งในเดือน มี.ค. 64
  • นักลงทุนยังคงคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ครั้งใหญ่ มูลค่ากว่า 9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ของรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของนายโจ ไบเดน เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น โดยนายไบเดนมีกำหนดเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ม.ค. 64 ขณะที่พรรคเดโมแครตสามารถครองอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งในทำเนียบขาว วุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะเอื้อต่อการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ซึ่งเคยถูกขัดขวางจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก่อนหน้านี้
  • การส่งมอบและการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น โดยบริษัท Pfizer-BioNTech และบริษัท Moderna ได้มีการส่งมอบวัคซีนและเริ่มฉีดให้กับประชาชนในหลายประเทศแล้ว ขณะที่วัคซีนของ บริษัท AstraZeneca-Oxford ได้มีการอนุมัติใช้วัคซีนในหลายประเทศ นอกจากนี้ บริษัท Johnson and Johnson กำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการทดลองที่ประเทศแอฟริกาใต้ พร้อมระบุว่าเป็นวัคซีนป้องกันโควิดที่ฉีดเพียง 1 โดสเท่านั้นซึ่งแตกต่างจากหลายบริษัทที่ต้องฉีด 2 โดส ทั้งนี้ บริษัทเตรียมยื่นขออนุมัติการใช้งานฉุกเฉินกับทางองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ ภายในวันที่ 21 ม.ค.นี้ และจะเริ่มดำเนินการยื่นขออนุญาตใช้วัคซีนนี้ในประเทศอื่นๆ ต่อไป
  • ตลาดยังคงกังวลเกี่ยวกับความต้องการใช้น้ำมันที่อาจจะฟื้นตัวช้าลง หลังจำนวนผู้ติดเชื้อยังคงปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยระดับรวมมากกว่า 90 ล้านราย ส่งผลให้หลายประเทศในทวีปยุโรปยกระดับมาตรการล็อกดาวน์ให้มีความเข้มข้นและยาวนานขึ้น ขณะที่ในเอเซีย จีนพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 5 เดือน ทำให้ต้องประกาศล็อกดาวน์ประชาชนราว 11 ล้านคน ในเมืองฉือเจียจวง มณฑลเหอเป่ย และประกาศเพิ่มความเข้มงวดของการเดินทางในประเทศช่วงเทศกาลตรุษจีนต้นเดือน ก.พ. นี้ ทางด้านญี่ปุ่นได้ประกาศภาวะฉุกเฉินเพิ่มเติมอีก 7 จังหวัด ได้แก่ โอซากา เกียวโต เฮียวโงะ ฟุกุโอกะ กิฟุ โทชิงิ และไอจิ ระหว่างวันที่ 14 ม.ค. - 7 ก.พ. นี้ พร้อมกับกรุงโตเกียว จังหวัดไซตามะ คานางาวะ และชิบะ ซึ่งอยู่ภายใต้คำสั่งเดียวกัน ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อขยายมาตรการในการรับมือกับสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
  • บริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์ รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 8 ม.ค. 64 ปรับเพิ่มขึ้น 8 แท่น ไปอยู่ที่ระดับ 275 แท่น ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้น 7 สัปดาห์ติดต่อกัน อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สัปดาห์ล่าสุดยังคงปรับลดลง 2 ล้านบาร์เรล (สิ้นสุด ณ วันที่ 8 ม.ค. 64)
  • ติดตามรายงานความต้องการใช้น้ำมันในปี 2564 ของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ที่จะเผยแพร่ในวันที่ 19 ม.ค. นี้ ว่าจะมีการปรับเพิ่มหรือลดคาดการณ์อย่างไร หลังล่าสุดรายงานเดือน ธ.ค. 63 คาดการณ์การเติบโตของความต้องการใช้น้ำมันในปี 2564 จะเติบโตที่ 69 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งปรับลดลงจากคาดการณ์ก่อนหน้าที่คาดว่าจะเติบโต 5.80 ล้านบาร์เรลต่อวัน  
  • เศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จีดีพีจีนไตรมาส 4/63 ยอดค้าปลีกจีนเดือน ธ.ค. 63 การตัดสินใจประกาศดอกเบี้ยของธนาคารกลางจีน ดัชนีราคาผู้บริโภคยูโรโซนเดือน ธ.ค. 63 และการตัดสินใจประกาศดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป

 

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (11-15 ม.ค. 64)  

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 3.72 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 52.24 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล สำหรับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 4.19 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 55.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 54.70  ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังซาอุดีอาระเบียอาสาที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบอีก 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในช่วงเดือน ก.พ. และมี.ค. 64 ซึ่งเพิ่มเติมจากข้อตกลงเดิมของกลุ่มโอเปคพลัสที่จะลดกำลังการผลิตที่ระดับ 7.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพื่อหวังจะรักษาระดับราคาน้ำมันและรักษาสมดุลตลาดในช่วงที่ความต้องการใช้น้ำมันอ่อนแอจากมาตรการล็อกดาวน์ในหลายประเทศ นอกจากนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 8 ม.ค. 64 ปรับลดลง 3.2 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 482.2 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับลด 2.3 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ตลาดยังถูกกดดัน หลัง EIA เปิดเผยรายงานล่าสุดเดือน ม.ค. 64 คาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำมันปี 2564 จะเติบโต 5.56 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งลดลงจากคาดการณ์เดิมที่คาดว่าจะเติบโต 5.78 ล้านบาร์เรลต่อวัน