10 'กองทุน' ที่ให้ 'ผลตอบแทน' สูงสุด ปี63

10 'กองทุน' ที่ให้ 'ผลตอบแทน' สูงสุด ปี63

รวบรวม 10 "กองทุน" ที่ให้ "ผลตอบแทน" ฝ่าวิกฤติสถานการณ์ โควิด-19 ที่ทำให้ตลาดหุ้นผันผวนอย่างยิ่งในปีที่ผ่านมา

 “ผู้จัดการกองทุน” พบว่า เมื่อปีที่ผ่านมา หุ้นส่วนใหญ่ที่ได้ประโยชน์ มักจะเป็นธุรกิจที่เติบโตไปตามเทรนด์โลกอนาคตอยู่ก่อนแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยี เพียงแต่การระบาดของโควิด-19 กลับเป็นชนวนที่กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคให้เร็วมากยิ่งขึ้นกว่า 5-10 ปี ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจบริการออนไลน์ ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ธุรกิจฟู้ดเดลิเวอร์รี่ ธุรกิจซอฟต์แวร์ ในการทำงานและประชุมออนไลน์ ธุรกิจบันเทิงออนไลน์ หรือแม้แต่ธุรกิจการศึกษาออนไลน์ ทั้งหมดล้วนเติบโตฉายแสงเหมือนเพชรได้แม้ยามที่ตลาดดูมืดหม่นมาได้

สะท้อน กองทุนที่มีผลงานโดดเด่นสามารทำผลตอบแทนสูงสุด 10 อันดับแรกของอุตสาหกรรมกองทุนรวมในปี 2563 โดยบริษัทมอร์นิ่งสตาร์ ประเทศ (ข้อมูล ณ 31 ธ.ค.2563) ดังนี้


1.กองทุนเปิด วรรณ โกลบอล อีคอมเมิร์ซ (ONE-GECOM)  มีนโยบายการลงทุนในหุ้นทั่วโลก ที่ออกโดยบริษัทที่ประกอบธุรกิจ หรือมีรายได้ หรือได้รับประโยชน์จากธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (e-commerce) ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม และอาจลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน ETF ที่มีนโยบายการลงทุนในหุ้นประเภทเดียวกัน โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV
ระดับความเสี่ยง : 6 เสี่ยงสูง 

ผลตอบแทน 114.5%

2. กองทุนเปิด ฟิลลิปเวิลด์ อินโนเวชั่น (PWIN)   มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนต่างประเทศ และ/หรือกองทุนรวมอีทีเอฟต่างประเทศที่เน้นลงทุนในตราสารทุนที่มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นหลัก โดยกระจายการลงทุนใน 5 ธีมที่เป็นเมกะเทรนด์ ได้แก่ อีสปอร์ต-วีดีโอเกม ไซเบอร์ซิเคียวริตี้ นวัตกรรมอินเตอร์เน็ต นวัตกรรมด้านอุตสาหกรรมต่างๆ และธุรกิจไบโอเทคโนโลยี ระดับความเสี่ยง : 6 เสี่ยงสูง

ผลตอบแทน 93.6%

3 .กองทุนเปิดวรรณ อัลติเมท โกลบอล โกรว์ธ (ONE-UGG-RA) มีนโยบายการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนหลัก ‘Baillie Gifford Long Term Global Growth Fund (LTGG)’ เพียงกองทุนเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน บริหารจัดการโดย ‘Baillie Gifford & Co Limited’                                        

ระดับความเสี่ยง : 6 เสี่ยงสูง

ผลตอบแทน 84.7%

4. กองทุนเปิด ทิสโก้ โกลบอล ดิจิตอล เฮลธ์ อิควิตี้ (TGHDIGI) มีนโยบายเน้นลงทุนในบริษัทที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการทางการแพทย์ (Digital Health) ทั่วโลก
ระดับความเสี่ยง : 7 เสี่ยงสูง

ผลตอบแทน 79.9%


5. กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ เทคโนโลยี อาร์ทิฟิเชียล อินเทลลิเจนซ์ อิควิตี้ ฟันด์ ชนิดสะสมมูลค่า(KT-WTAI-A)  มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Allianz Global Artificial Intelligence (กองทุนหลัก) ในหน่วยลงทุนชนิด Class AT (USD) ซึ่งเสนอขายสำหรับลูกค้ารายย่อย โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV กองทุนหลัก
ระดับความเสี่ยง : 6 เสี่ยงสูง

ผลตอบแทน 77.4%

6. กรุงศรีเวิล์ดเทคอิควิตี้เฮดจ์เอฟเอ็กซ์-สะสมมูลค่า (KFHTECH-A)                                         มีโยบายการลงทุนนำเงินไปลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศชื่อ BGF World Technology Fund (Class D2 USD) (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยกองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในตราสารทุนของบริษัทต่างๆ ทั่วโลกที่มีธุรกรรมทางเศรษฐกิจที่โดดเด่นในหมวดเทคโนโลยี
ระดับความเสี่ยง : 7 เสี่ยงสูง

ผลตอบแทน 76.9%

7. กองทุนเปิด วรรณ ดิสคัฟเวอรี่(ONE-DISC-RA) มีนโยบายการลงทุนในหน่วยลงทุนของ Baillie Gifford Worldwide Discovery Fund ในหน่วยลงทุนชนิด Class B USD Accumulation (ชนิด B สกุลเงิน USD ประเภทสะสมมูลค่า) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของNAV
ระดับความเสี่ยง : 6 เสี่ยงสูง

ผลตอบแทน 76.0%

8.กองทุนเปิดเค พอสซิทีฟ เชนจ์ หุ้นทุน-A ชนิดสะสมมูลค่า( K-CHANGE-A(A))
มีนโยบายการลงทุนเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Baillie Gifford Positive Change Fund - Class B accumulation (GBP) (กองทุนหลัก) ลงทุนในหุ้นของบริษัททั่วโลกซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือมีพฤติกรรมที่ส่งผลกระทบเชิงบวก (Positive Impact) ต่อสังคมโดยรวม หรือสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ เช่น การศึกษา ความเท่าเทียมทางสังคม คุณภาพของระบบการดูแลสุขภาพ และด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม                  ระดับความเสี่ยง : 6 เสี่ยงสูง

ผลตอบแทน 73.3%

9.กองทุนเปิดเค ยูเอสเอ หุ้นทุน-A ชนิดสะสมมูลค่า  (K-USA-A(A))                                       มีนโยบายการลงทุนเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Morgan Stanley US Advantage Fund - I Shares (USD)(กองทุนหลัก) กองทุนหลักลงทุนส่วนใหญ่ในหุ้นของบริษัทสหรัฐอเมริกาไม่น้อยกว่า 70% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ เป็นกองทุนแบบ Active ที่มีนโยบายการเลือกหุ้นแบบ Bottom Up โดยเน้นลงทุนในหุ้นที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันที่สูงเป็นหลัก

ระดับความเสี่ยง : 6 เสี่ยงสูง

ผลตอบแทน 73.0%

10. กองทุนเปิด เค ยูเอสเอ หุ้นทุน-A ชนิดจ่ายเงินปันผล (K-USA-A(D))                            มีนโยบายการลงทุนเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Morgan Stanley US Advantage Fund - I Shares (USD)(กองทุนหลัก) กองทุนหลักลงทุนส่วนใหญ่ในหุ้นของบริษัทสหรัฐอเมริกาไม่น้อยกว่า 70% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ เป็นกองทุนแบบ Active ที่มีนโยบายการเลือกหุ้นแบบ Bottom Up โดยเน้นลงทุนในหุ้นที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันที่สูงเป็นหลัก

ระดับความเสี่ยง : 6 เสี่ยงสูง

ผลตอบแทน 73.0%


ทั้งนี้ จากรายชื่อกองทุนนั้นทุกกองทุนเป็นการลงทุนในหุ้นต่างประเทศโดยเฉพาะกลุ่มที่ถือว่าได้ประโยชน์จากสถานการณ์ โควิด-10 เทคโนโลยี สุขภาพ หรือผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรรมใหม่


อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์การแพร่ระบาดในปีนี้มีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากความคืบหน้าการเข้าถึงวัคซีนของประชากรโลก อาจส่งผลให้หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์มีอัตราการเติบโตของราคาที่ชะลอตัวลง รวมทั้งควรระมัดระวังเรื่องของมูลค่าหุ้นที่บางกลุ่มอาจขึ้นมาในระดับที่มีอัพไซด์ที่จำกัดมากขึ้นเรื่อยๆ