พีทีจี บุกขยายปั๊มน้ำมัน-แอลพีจี ดันยอดขายปี64

พีทีจี บุกขยายปั๊มน้ำมัน-แอลพีจี ดันยอดขายปี64

“พีทีจี”ตั้งงบลงทุนปี 2564 วงเงิน 4,500 ล้านบาท รุกขยายปั๊มน้ำมัน-แอลพีจี 150 สาขา หวังดันปริมาณการขายโต 8-10% พร้อมคุมกระแสเงินสดในมือ บริหารความเสี่ยงโควิด-19 ยันเดินหน้านำธุรกิจปาล์มคอมเพล็กซ์ และแอลพีจี เข้าตลาดฯปี65

นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด(มหาชน) หรือ PTG​ เปิดเผยว่า บริษัท ตั้งงบลงทุนปี 2564 อยู่ระดับประมาณ 4,500 ล้านบาท แบ่งเป็นใช้สำหรับรองรับการขายสถานีบริการ(ปั๊ม)น้ำมัน และปั๊ม LPG ประมาณ 3,600-3,700 ล้านบาท ขยายการเติบโตธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจน้ำมัน (Non-oil) ประมาณ 500 ล้านบาท และธุรกิจใหม่ ประมาณ 500 ล้านบาท เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดช่องทางการค้าปลีก(มาร์เก็ตแชร์) เป็นระดับ 17-18% จากช่วง 11 เดือนแรกปี2563 มียอดขายอยู่ที่ 24,390 ล้านลิตร หรือ มาร์เก็ตแชร์ อยู่ที่ 17% เป็นอันดับที่ 2 ของตลาด (เป็นข้อมูลของบริษัท)

โดยในปีนี้ มีแผนขยายปั๊มน้ำมัน และปั๊ม LPG รวม 150 แห่ง แบ่งเป็น ปั๊มน้ำมัน 50 แห่ง ปั๊มน้ำมันผสมปั๊ม LPG อีก 50 แห่ง และเฉพาะปั๊ม LPG อีก 50 แห่ง ซึ่งจะเน้นในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงขยายในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวที่มีการเติบโตสูง ขณะเดียวกันจะลงทุนปรับปรุงปั๊มน้ำมันใหม่ เพื่อให้เป็นปั๊มน้ำมันที่มีบริการครบวงจรและดึงดูดผู้บริโภคมากขึ้น

ขณะที่สิ้นปี 2563 มีปั๊มทั้งหมด 2,094 แห่ง แบ่งเป็น ปั๊มน้ำมัน 1,888 แห่ง และปั๊ม LGP อยู่ที่ 206 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่กระจายตัวอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

161062057385  

 

 

ส่วนธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจน้ำมัน (Non-oil) ยังมีแผนดึงพันธมิตรเข้ามาเสริมจุดแข็งการใช้บริการที่หลากหลายในพื้นที่ปั๊มน้ำมันเพิ่มเติมอีกหลายราย นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายขยายร้านกาแฟพันธุ์ไทยในปี 64 จำนวน 50 สาขา จากปัจจุบัน มีอยู่ที่ 270 สาขา ส่วนร้านกาแฟ Coffee World (คอฟฟี่เวิลด์) ปัจจุบันมีอยู่ 30 สาขา และในปีนี้อาจจะยังไม่ขยายเพิ่มเติม เนื่องจากอยู่ระหว่างปรับปรุงแบรนด์ใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันและผลักดันสู่แบรนด์ชั้นนำต่อไป

การแพร่ระบาดของโควิด – 19 ระลอกใหม่ ทำให้การลงทุนต้องระมัดระวังมากขึ้น บริหารจัดการรายจ่ายอย่างรอบครอบ พยายามรักษากระแสเงินสดในมือ ซึ่งในแต่ละปีบริษัท จะมีกระแสเงินสดประมาณ 5,000 ล้านบาท เบื้องต้นในเดือนม.ค.นี้ ก็เริ่มเห็นผลกระทบโควิด-19 บ้างแล้ว แต่ดูจากตัวเลขผู้ติดเชื้อก็เริ่มลดลง หาสามารถควบคุมสถานการณ์จบภายในเดือนม.ค.นี้ ก็เชื่อว่าผลกระทบต่อธุรกิจจะไม่มากนัก

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2564 บริษัท ตั้งเป้าปริมาณการขายน้ำมันจะเติบโตในระดับ 8-10% ซึ่งเป็นการเติบโตตามการขยายสาขาปั๊มน้ำมันและปั๊ม LPG เพิ่มขึ้น และหนุนรายได้เติบโตต่อเนื่องจากปี 2563 ขณะที่ทิศทางราคาน้ำมันปีนี้ คาดว่า เฉลี่ยจะอยู่ในระดับ 55-60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นจากปีก่อน และยังมีปัจจัยหนุนจากการส่งเสริมการขายผ่านช่องทางบัตรสมาชิก PT Max card ที่จะเพิ่มฐานลูกค้าเป็น 18 ล้านใบ จากปี2563 อยู่ที่ประมาณ 15 ล้านใบ

  161062059111

ส่วนกรณีที่กระทรวงพลังงาน มีนโยบายส่งเสริมให้แก๊สโซฮอล์ อี 20 เป็นน้ำมันเกรดพื้นฐานกลุ่มเบนซิน ภายในปีนี้ บริษัท พร้อมสนับสนุนนโยบายภาครัฐ ซึ่งหากมีประกาศออกมาชัดเจน บริษัทก็พร้อมยกเลิกการจำหน่ายแก๊สโซฮอล์ 91 และหันไปปรับเปลี่ยนหัวจ่ายน้ำมันเป็นแก๊สโซฮอล์ อี 20 และแก๊สโซฮอล์ 95 มากขึ้น ขณะที่การแข่งขันในธุรกิจน้ำมันปีนี้ ยังรุนแรงต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทจะยังมุ่งเน้นการรักษาคุณภาพบริการให้ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า

นายรังสรรค์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัท ยังเดินหน้าที่จะนำบริษัท แอตลาส เอ็นเนอยี จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจ LPG เข้าระดมทุนในตลาดฯ โดยจะพยายามยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2565 รวมถึงจะนำธุรกิจปาล์มคอมเพล็กซ์ ของบริษัท พีพีพี กรีน คอมเพล็กซ์ จำกัด หรือ PPPGC เข้าระดมทุนด้วย คาดว่า จะยื่นไฟลิ่งได้ในช่วงไตรมาส 3 ปี2565 เพื่อนำมาขยายธุรกิจต่อไป